หิมาลายาตะวันออก โดย คณา คชา
(ตีพิมพ์ในกรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันอาทิตย์)
บทนำ
ภาพพยากรณ์อากาศเดือนกรกฎาค มของเมืองต่างๆ ใน "รัฐเบงกอลตะวันตก" ระเรื่อยไปจนถึงรัฐสิกขิมล้ วนย้ำอยู่ภาพเดียว...ภาพคนใ ส่เสื้อกันฝนและกางร่ม เป็นการเตือนล่วงหน้าให้เห็ นว่า วันไหนๆ ของเดือนกรกฎาคม...ฝนก็จะพร่ำ ๆ เช่นนี้แล
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ตลอดเส้นทางของการเดินทาง ฝนได้ตกลงมาทักทายต้อนรับเร าทุกวี่ทุกวัน ขณะที่มองฟ้า มองฝน แดดสาดมารำไร คาดหวังอย่างลุ้นระทึกจะได้ เห็นฟ้าสีจัด และขุนเขาที่ห้อมล้อมบ้าง หากชั่วแวบเดียว เมฆฝนก็หวนกลับมาหยอกล้อ
เพื่อนที่ร่วมทางไปด้วยกันหัวเราะหึๆ ย้ำประโยคที่เพิ่งอ่านเจอจา กหนังสือท่องเที่ยวที่ทางที ่พักวางไว้ให้นักท่องเที่ยว อ่าน
“ฟ้าเดือนกรกฎามีโอกาสเปิดแ ค่ 1% เท่านั้นแหละ”
เป็นโอกาสที่ช่างกระจิริด ถ้าอย่างนั้นช่างฟ้า ช่างฝนดีกว่ามั้ง แม้ฤดูฝนจะไม่ใช่ฤดูกาลที่ท้องฟ้าบริเวณเทือกเขาหิมาลา ยาตะวันออกสวยที่สุด หากกระนั้นก็เป็นฤดูกาลที่เ มฆหยอกล้อกับภูเขาได้สนุก เดี๋ยวหนีหาย เดี๋ยวกลับมากกกอด ทั้งยังหอบเอาไอหมอกเย็นชื้ นให้มาเยี่ยมเยียน...เมื่อเ ป็นเช่นนั้น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วกวาดตามองไปรอบๆ โลกใบนี้ไม่ว่าเวลาไหน ฤดูกาลใดสวยงามเสมอ...ว่ามั้ย
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ตลอดเส้นทางของการเดินทาง ฝนได้ตกลงมาทักทายต้อนรับเร
เพื่อนที่ร่วมทางไปด้วยกันหัวเราะหึๆ ย้ำประโยคที่เพิ่งอ่านเจอจา
“ฟ้าเดือนกรกฎามีโอกาสเปิดแ
เป็นโอกาสที่ช่างกระจิริด ถ้าอย่างนั้นช่างฟ้า ช่างฝนดีกว่ามั้ง แม้ฤดูฝนจะไม่ใช่ฤดูกาลที่ท้องฟ้าบริเวณเทือกเขาหิมาลา
1.กาลิมปง
กาลิมปง (Kalimpong) ดาร์จีลิ่ง (Darjeeling) กังต๊อก (Gangtok) และเพลลิ่ง (Pelling) ชื่อเมืองทั้งหมดในเส้นทางก ารเดินทาง ล้วนเป็นเมืองในดินแดนแห่งเ ทือกเขาหิมาลายาตะวันออก
เข็มนาฬิกาของเมืองแถบนี้หมุนเริ่มต้น ณ เวลา 8 นาฬิกา อันเป็นเวลาแห่งอาหารเช้า และสิ้นสุดวัน ณ เวลา 20.00 นาฬิกา อันเป็นเวลาแห่งอาหารเย็น นับเป็นการเริ่มต้นวันที่เน ิบช้า...และจบลงอย่างเนิบๆ อีกเช่นกัน
อารมณ์เรื่อยๆ ไม่เร่งรีบสัมผัสได้ตั้งแต่ นั่งรถเข้าเขตเมืองเหล่านี้ เส้นทางถนนเล็ก แคบ บัดเดี๋ยวสูง บัดเดี๋ยวต่ำ บางช่วงดินชุ่มอุ้มน้ำจนเลื ่อนไถลล้ำเข้ามาบนเส้นทาง บางช่วงยังปันเป็นทางให้ทั้ งรถ ทั้งน้ำ ผ่านไปด้วยกัน การเดินทางจึงเป็นไปอย่างเร ื่อยๆ หลายครั้งรถที่สัญจรต้องชะล อหยุดจอดเป็นเวลานาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เคลียร์ เส้นทางด้านหน้า จะจากอุบัติเหตุ หรือดินโคลนถล่ม แล้วแต่จะเจอะเจอ แต่คนแถวนั้นก็ใจเย็นดีจริง ทั้งคนขับ ทั้งผู้โดยสาร เมื่อติดขัดก็ลงมาเดินเล่น จับกลุ่มคุยกันฆ่าเวลา คณะเดินทางของเราจึงเรื่อยๆ มาเรียงๆ ไปกับเขาด้วย
หนึ่งในคณะ หยิบชุดที่สวมใส่ตอนอยู่ที่ เมืองกัลกัตตาออกมา กลิ่นเหม็นเปรี้ยวโชยฟุ้ง เป็นกลิ่นจากเหงื่อที่ออกจน ชุ่มแล้วชุ่มอีก อบร่ำไปกับฝุ่นและไอเสียจาก ควันรถขณะตะลอนไปทั่วตัวเมื อง แถมไม่ทันได้ผึ่งให้แห้งดี ก็ถูกหมกใส่กระเป๋าเพื่อออก เดินทางต่อเสียแล้ว เจ้าตัวผู้บุกเบิกใช้นิ้วคี บชุดออกมาคลี่ แล้ววางผึ่งบนกระโปรงรถด้าน หน้า
“แดดจัดอย่างนี้... เวลาเหลือเฟือ เอาชุดมาผึ่งกันเถอะ”
อืมม์...เป็นคำชักชวนที่น่า เห็นพ้องอย่างยิ่ง ทุกคนจึงหยิบเอาชุดที่หมกไว ้ออกมาผึ่ง แขวนตรงประตูรถที่เปิดกว้าง พาดไว้บนหลังคาบ้าง ท้ายรถบ้าง จนรถทั้งคันหลากสี เมื่อคุณพี่คนขับรถเดินย้อน กลับมาเห็นผลงานสร้างสรรค์ช ิ้นเอกของผู้โดยสาร จึงอดอมยิ้มน้อยๆ อย่างอารมณ์ดีไม่ได้ ประสานไปกับรอยยิ้มเขินๆ ของพวกเรา
เมืองแรกของเส้นทางบัดเดี๋ย วขึ้นสูง บัดเดี๋ยวลงต่ำ คือเมือง กาลิมปง เมืองบนเขาที่ระดับความสูง 1,250 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
แรกพบ...แดดยังสาด อากาศยังดี หลอกให้ผู้มาเยือนนึกสบประม าทระบบพยากรณ์อากาศที่ว่า 'เมฆจะครึ้ม ฝนจะพรำ' ก็จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อภาพเบื้องหน้า อากาศดีนักหนา ท้องฟ้าเปิดโล่ง เผยให้เห็นตัวเมือง ขุนเขาที่โอบล้อม รวมถึงอาคารหลายชั้นขนาดเล็ กที่ตั้งรวมกลุ่มแน่นขนัดบน เนินเขาที่ลาดสูงๆ ต่ำๆ ให้คนที่เคยอาศัยแต่บนพื้นท ี่ราบ ยืนมองอย่างรู้สึกแปลกตา
ออกไปสำรวจตัวเมืองกันเถอะ. ..
สิ่งแรกที่ชวนตื่นเต้น ไม่ยักใช่ทางถนน วิถีผู้คน ตลาด ร้านค้า สิ่งก่อสร้าง บ้านเรือน แต่กลับกลายเป็น มอส กับแผ่น ไลเคน เสียนี่
ที่เป็นอย่างนั้น เพราะมอสกับไลเคนที่นี่แทรก ซึมอยู่เกือบทั่วทุกอณูของต ัวเมือง ชนิดผนังกำแพงแทบไม่ได้เว้น ว่าง ถูกเจ้ามอสกับไลเคนแย่งพื้น ที่จับจองงอกงาม แล้วช่างสมบูรณ์พูนสุขจนน่า อิจฉา ความสมบูรณ์นั้นปลั่งจนสีเข ียวของแผ่นมอสแทบจะหยาดหยดอ อกมา
แผ่นไลเคนนั่นเล่า ก็หลากหลายชนิด ไม่ได้มีแค่แบบที่เป็นดวงหร ือฝุ่นผง ที่ชี้บอกใครแล้วชอบย่นจมูก ย้อนตอบกลับมาว่า เป็นดอกเป็นดวงเหมือนรา แต่ไลเคนที่นี่แผ่ใบเป็นวงส วยคล้ายกลีบดอกไม้ ไม่เท่านั้นยังมีแผ่นไลเคนส ีส้ม ที่ส้มแป๊ด ส้มสด แย่งชิงพื้นที่กับมอสสีเขีย วชุ่ม ทำเอากำแพงบางจุด ครึ่งหนึ่งเป็นสีเขียว อีกครึ่งหนึ่งเป็นสีส้มแบบท ี่ไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อ น เท่านี้ก็ช่วยบ่งชี้ให้รู้ว ่าอากาศในพื้นที่แถบนี้อุดม คุณภาพขนาดไหน
กาลิมปง (Kalimpong) ดาร์จีลิ่ง (Darjeeling) กังต๊อก (Gangtok) และเพลลิ่ง (Pelling) ชื่อเมืองทั้งหมดในเส้นทางก
เข็มนาฬิกาของเมืองแถบนี้หมุนเริ่มต้น ณ เวลา 8 นาฬิกา อันเป็นเวลาแห่งอาหารเช้า และสิ้นสุดวัน ณ เวลา 20.00 นาฬิกา อันเป็นเวลาแห่งอาหารเย็น นับเป็นการเริ่มต้นวันที่เน
อารมณ์เรื่อยๆ ไม่เร่งรีบสัมผัสได้ตั้งแต่
หนึ่งในคณะ หยิบชุดที่สวมใส่ตอนอยู่ที่
“แดดจัดอย่างนี้... เวลาเหลือเฟือ เอาชุดมาผึ่งกันเถอะ”
อืมม์...เป็นคำชักชวนที่น่า
เมืองแรกของเส้นทางบัดเดี๋ย
แรกพบ...แดดยังสาด อากาศยังดี หลอกให้ผู้มาเยือนนึกสบประม
ออกไปสำรวจตัวเมืองกันเถอะ.
สิ่งแรกที่ชวนตื่นเต้น ไม่ยักใช่ทางถนน วิถีผู้คน ตลาด ร้านค้า สิ่งก่อสร้าง บ้านเรือน แต่กลับกลายเป็น มอส กับแผ่น ไลเคน เสียนี่
ที่เป็นอย่างนั้น เพราะมอสกับไลเคนที่นี่แทรก
แผ่นไลเคนนั่นเล่า ก็หลากหลายชนิด ไม่ได้มีแค่แบบที่เป็นดวงหร
อาคารหลายชั้นขนาดเล็กตั้งร วมกลุ่มแน่นขนัดบนเนินเขาใน เมืองกาลิมปง
ธงมนตรา 5 สี แขวนประดับปลิวไสว ให้เห็นทั่วไปในเมืองกาลิมป ง
แผ่นไลเคนและแผ่นมอสที่งอกง ามตามผนังกำแพงในเมือง
มอสที่งอกงามสมบูรณ์บนผืนผน ังกำแพง
ผนังกำแพงแทบทุกแห่งถูกจับจ องพื้นที่
นั่นเป็นความกลมกลืนระหว่าง เมืองกับธรรมชาติ หากกาลิมปงยังเป็นสถานกลมกลืนระหว่าง เชื้อชาติ และ วัฒนธรรม แค่กวาดตามองไปรอบๆ ผู้คนที่เดินสวนผ่านไปมาจำน วนไม่น้อยที่มีรูปร่างหน้าต าละม้ายไปทางชาวจีน ศาสนสถานเองก็ปะปนทั้งวัดฮิ นดูและวัดพุทธแบบทิเบต จึงได้เห็น 'ธงมนตรา 5 สี' แขวนประดับปลิวไสวในบางช่วง นั่นเป็นความกลมกลืนประสาเม ืองชายแดน ทว่าพิเศษกว่านั้น กาลิมปงเป็นหนึ่งในเมืองหลบ ร้อนของชาวอังกฤษสมัยปกครอง อินเดียที่เรียกขานรวมๆ ว่า hill station ร่องรอยของวิถีแบบอังกฤษจึง ทิ้งรูปรอยให้เห็น.... สนามกอล์ฟ โรงเรียน คือตัวอย่างนั้น
ธงมนตราของชาว พุทธนิกายวัชรยาน แต่ละผืนจารึกบทสวดมนต์ไว้ เชื่อกันว่า สายลมที่พัดผ่านจะช่วยพัดพา มนตราให้ปกป้องผู้คน และบ้านเมือง จากสิ่งชั่วร้าย และอันตรายทั้งปวง
อากาศเปิด แดดดี ต้อนรับเฉพาะแรกถึง หากพอตกค่ำอากาศเริ่มมัวซัว จากนั้นฝนก็ตกจั่ก จั่ก จั่ก ตลอดทั้งคืน กระทั่งเช้ารุ่งของวันใหม่ อันเป็นวันที่ตั้งใจจะเที่ย วชมเมืองอย่างจริงจัง ฝนยังไม่ยอมจากลา ที่ว่าเมฆจะครึ้ม ฝนจะทักทายทุกวันท่าจะจริงเ สียแล้ว ฉะนั้น.. เลิกคาดหวัง และทำตัวให้กลมกลืนไปกับฤดู กาล ฝนโหมหนักก็หลบเข้าข้างทาง โหมเบาก็ออกมาย่ำเล่น สนุกดีเหมือนกัน
ตามที่เกริ่นไว้ กาลิมปงเป็นเมืองชายแดนที่ผ สานหลากวัฒนธรรมและหลากเชื้ อชาติ ทั้งยังเคยเป็นสถานหลบร้อนข องชาวอังกฤษ สถานที่อวดชมผู้มาเยือนจึงส ะท้อนภาพเหล่านั้นให้เห็น ตั้งแต่บ้านของ ดอกเตอร์เกรแฮมส์ (Dr.Grahams home) ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ก่อตั้ง โดยดอกเตอร์ จอห์น แอนเดอร์สัน เกรแฮมส์ ตั้งแต่สมัยอังกฤษยังปกครอง ดินแดนแถบนี้ โดยตั้งใจให้เป็นสถานศึกษาส ำหรับเด็กที่ถูกทอดทิ้งจากค วามสัมพันธ์ฉาบฉวยระหว่างชา วอังกฤษกับชาวพื้นเมือง
รูปปั้นดอกเตอร์ จอห์น แอนเดอร์สัน เกรแฮมส์ ภายในโรงเรียนธงมนตราของชาว พุทธนิกายวัชรยาน แต่ละผืนจารึกบทสวดมนต์ไว้ เชื่อกันว่า สายลมที่พัดผ่านจะช่วยพัดพา
อากาศเปิด แดดดี ต้อนรับเฉพาะแรกถึง หากพอตกค่ำอากาศเริ่มมัวซัว
ตามที่เกริ่นไว้ กาลิมปงเป็นเมืองชายแดนที่ผ
จากโรงเรียนแบบอังกฤษสู่ศาส นสถาน วัดแมนกัลธรรม (MangalDham) เป็นวัดฮินดูที่เห็นโดดเด่น แต่ไกล ด้วยรูปลักษณ์ของตัวอาคารที ่หลังคาเป็นทรงโดมสีส้ม ตัดขอบด้วยส้มเข้ม รูปลักษณ์ และสีสันดังกล่าวดึงดูดสายต าตั้งแต่นั่งอยู่ในรถที่ลดเ ลี้ยวไปตามทาง กระทั่งไปจอดสนิทตรงด้านหน้ า
วัดแมนกัลธรรมเป็นวัดฮินดู สร้างอุทิศถวายแด่พระกฤษณะ ผนังวิหารรอบๆ ประดับด้วยงานปั้นแบบลอยตัว เล่าขานเรื่องราวเกี่ยวกับพ ระกฤษณะ อันเป็นร่างอวตารหนึ่งของพร ะวิษณุ เจ้าหน้าที่ภายในวัดเป็นมิต ร ยืนยิ้มละไมบนใบหน้าขณะมองผ ู้มาเยือนอยู่ห่างๆ เมื่อสบช่องพอที่จะสอดแทรกข ้อมูลของสถานที่ได้ไม่รอช้า ที่จะให้ข้อมูล และเสนอตัวเป็นมัคคุเทศก์เดินนำชมสถานที่
หลังจากเดินชมภายในวิหารจนท ั่ว ขนมหวานสีขาวถูกยื่นมาให้ รสหวานพอปะแล่มและให้กลิ่นห อมอ่อนๆ ฉันเรียกขนมนั้นว่า "ขนมศักดิ์สิทธิ์" ก็เป็นขนมที่ให้รับประทานใน วิหารนี่นา จะไม่เรียกว่าขนมศักดิ์สิทธ ิ์ได้อย่างไร เมื่อเห็นเราชอบพอในรสชาติ ชายหนุ่มยิ้มปริอย่างพึงพอใ จ จัดแจงหาถุงใส่ขนมให้เราอีก ถุงใหญ่ ทำนองว่าเป็นของฝาก และ..ไม่ต้องห่วง ในวัดยังมีอีกมาก
สุดท้ายฉันชอบประโยคตบท้ายข องเขาหลังจากจบการนำเยี่ยมช มสถานที่ว่า “เดินชมดอกไม้รอบๆ ได้นะครับ” เมืองนี้นี่ช่างเป็นเมืองดอ กไม้บาน ต้นไม้สวยจริงๆ แม้จะปลูกกันพื้นๆ แต่ทั้งอากาศ ทั้งดินคงช่วยประคบประหงมให ้ดอกไม้ ต้นไม้ สมบูรณ์อวบอิ่มชมเพลิน กระทั่งในเขตศาสนสถานยังคล้ ายสวนพฤกษชาติย่อมๆ และดูจะเป็นความภูมิใจของคน ที่นี่เสียด้วย
วัดแมนกัลธรรม
จากวัดฮินดู สู่วัดพุทธทิเบต วัดซางด๊อกพาลรี่ โพดอง (Zang Dhok Palri Phodong) เป็นวัดพุทธทิเบตขนาดเล็กตั ้งบนเนินดูปิน (durpin) เนินเขาสูงแห่งหนึ่งของเมือ งกาลิมปง ตัววัดเคลือบสีสันสดใสด้วยแ ม่สีอย่างสีเหลือง แดง ฟ้าเข้ม โดยมีสีขาวเป็นสีพื้น และแต่งแต้มด้วยสีเขียว สังเกตดีๆ สีเหล่านี้ เป็นสีเดียวกับธงมนตรา 5 สีที่แขวนอยู่รอบๆ สีสดๆ แบบนี้แทนที่จะดูแปลกปลอม กลับดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ที่สงบรอบด้าน อาจเป็นเพราะสีที่สดนั้นดูไ ม่ประดิดปะดอย ทั้งลวดลายที่วาดตกแต่งก็เป ็นลวดลายง่ายๆ และสุดท้ายไม่ว่าจะอยู่ส่วน ไหนของกาลิมปง เป็นต้องได้เห็นต้นไม้ดอกไม ้สวยๆ อวดสีสันแต่งแต้มเสมอ รอบๆ ตัววัดที่เป็นทางลาดลงไป เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้สีสันอวบอิ่มเช่นเคย โดยเฉพาะต้นไฮเดรนเยียขึ้นเ ป็นพุ่มให้เห็นทั่ว ราวกับเป็นต้นไม้ที่ขึ้นง่า ยขึ้นดาย ทั้งช่อดอกสมบูรณ์ใหญ่อวดสี น้ำเงินอมเทาเฉดสีเสน่ห์ที่ ไม่ค่อยปรากฏในไม้ดอกชนิดใด มากนัก ทำเอาคนมาเยือนหลงหัวปักหัว ปำเชียวล่ะ
วัดซางด๊อกพาลรี่ โพดองบนเนินเขาดูปิน
กงล้อภาวนา ภายในวัดซางด๊อกพาลรี่ โพดอง
กงล้อภาวนา เป็นเสมือนเครื่องช่วยสวดมน ต์ของพุทธนิกายวัชรยาน บนกงล้อแต่และอันมีบทสวดมนต์จารึกไว้
การหมุนกงล้อจึงเปรียบดั่งก ารเปล่งบทสวดมนต์ให้ดังกังว าน
การหมุนกงล้อจึงเปรียบดั่งก
ลวดลายและสีสันของประตูวัดซ างด๊อกพาลรี่ โพดอง
ภาพวาด เกียรติมุข* ภายในวัดซางด๊อกพาลรี่ โพดอง
เกียรติมุข หมายถึง ใบหน้าที่มีเกียรติ มักวาดเป็นใบหน้าของอสูรดุร้าย แยกเขี้ยวขบกราม จมูกแป้นบาน และตาพองถลน ทำหน้าที่คอยปกป้องศาสนสถาน เกียรติมุขที่วัดซางด๊อกพาล รี่ โพดอง มีคุณสมบัติของเกียรติมุขยอ ดนิยมเกือบครบทุกประการ เว้นแต่ไม่มีเขางอกเหนือดวง ตา
สัญลักษณ์กงล้อแห่งธรรมและก วางสีทอบนหลังคาวัด
ตามความเชื่อของพุทธนิกายวั ชรยาน "กงล้อแห่งธรรม" เป็นสัญลักษณ์คำสอนของพระพุ ทธเจ้า "กวาง 2 ตัวที่นั่งมอบซ้ายขวา" คือ พระพรหม และ พระอินทร์ ที่เสด็จลงมาหาพระพุทธเจ้าห ลังจากที่ได้ตรัสรู้แล้ว เพื่อให้พระพุทธองค์สอนธรรม ะให้ จึงได้มีการสร้างกงล้อแห่งธ รรมและกวาง 1 คู่ บนหลังคาวัดพุทธนิกายวัชรยา นทุกแห่ง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการแสด งธรรมะครั้งแรกของพระพุทธเจ ้า หากมีโอกาสได้เยือนวัดพุทธท ิเบตลองแหงนมองไปบนหลังคาจะ ได้เห็นกงล้อแห่งธรรมและกวา ง 1 คู่
อย่างแน่นอน