๓.วัดพงอึนซา (
Bongeunsa)
ครั้งหนึ่งพุทธศาสนาเคยรุ่งเรือง
ณ ดินแดนแห่งนี้ กระทั่งเป็นศาสนาประจำชาติของอาณาจักรโบราณทั้งสามของคาบสมุทรเกาหลี
ได้แก่อาณาจักรโคกูรยอ แพ็กเจ และชิลลา
ก่อนที่จะเสื่อมลงในสมัยราชวงศ์โชซอนที่ยกลัทธิขงจื้อเป็นศาสนาประจำชาติแทน
ญี่ปุ่นได้บุกเข้ายึดครองดินแดนเกาหลี
เมื่อปี ค.ศ. 1910
ราชวงศ์โชซอนล่มสลาย
เกาหลีตกเป็นประเทศใต้อาณานิคมของญี่ปุ่นกว่า 30 ปี
จนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้สงคราม สหภาพโซเวียด
และสหรัฐอเมริกาจึงได้เข้ายึดครองเกาหลีต่อจากญี่ปุ่น โดยสหภาพโซเวียดยึดครองพื้นที่ทางเหนือ
สหรัฐอเมริกายึดครองพื้นที่ทางใต้ ทำให้ประเทศเกาหลีถูกแบ่งกลายเป็น 2 ประเทศ เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้
สภาพประเทศที่ลุ่ม
ๆ ดอน ๆ ทำให้พุทธศาสนาแทบจะเลือนหายไปจากคาบสมุทรเกาหลี
ประเทศเกาหลีใต้กลายเป็นประเทศที่ไม่มีศาสนาประจำชาติ
และเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรไม่นับถือศาสนาใด ๆ
กระนั้นรากเหง้าความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาใช่จะสูญหายไปเสียทีเดียว
วัดพุทธที่สำคัญหลายแห่งได้รับการบูรณะ และฟื้นฟูกลับมาใหม่ และมีประชากรประมาณ 24.2%
ที่ยังคงนับถือศาสนาพุทธ
วัดพงอึนซา
( Bongeunsa) เป็นวัดพุทธเก่าแก่
ตั้งอยู่ในกรุงโซล เขตกังนัม สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอาณาจักรชิลลา ค.ศ.974 เป็นวัดเก่าแก่ ไล่เรียงอายุก็ประมาณ 1,000 กว่าปีแล้ว
แรกนั้น
ฉันจินตนาการถึงวัดขนาดใหญ่ ตั้งโดดเด่น อยู่ใจกลางเมือง เมื่ออยู่ในรัศมีที่ใกล้
หันไปทางไหนต้องได้เห็นวิหารสง่างามในมุมต่าง ๆ แต่ผิดคาด
เมื่อเดินก้าวออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน โผล่ขึ้นมาข้างบน หันแลไปทางไหน
ไม่ยักเห็นตัววัด เห็นแต่ตึกขนาดใหญ่ที่ผุดเป็นแท่ง ๆ ออกแบบอย่างล้ำสมัย โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า Coex Mall ดูจะกินพื้นที่กว้างเป็นพิเศษ
ไม่มีวี่แววของวัด
กระทั่งเดินไปตามเส้นทางที่มีคนช่วยบอกทาง
จึงค่อยเห็น ประตูทางเข้าวัดซุกซ่อนอยู่อย่างถ่อมตน
เมื่อเดินข้ามถนนไปถึงหน้าประตูทางเข้า จึงพบว่าจริง ๆแล้วพื้นที่ของตัววัดไม่ได้น้อย
ๆ เลย
เพียงแต่ตึกสูงของเมืองใหญ่โดยเฉพาะในย่านกังนัมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านธุรกิจหรูหราข่มเสียจนเหลือพื้นที่นิดเดียว
ตึกทันสมัยแถวย่าน coex mall
|
ตรงประตูทางเข้าวัด ปรากฏรูปปั้นขนาดใหญ่สีสันสดใสทักทายแต่ไกล
ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่
เทพผู้พิทักษ์คุ้มครองศาสนา และป้องกันพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์ ประกอบด้วย ท้าวธตรัฐ... เทพเจ้าประจำทิศตะวันออก
เจ้าแห่งคนธรรพ์ ผู้เชี่ยวชาญ ชำนาญในการขับร้องและเล่นดนตรี ท้าววิรูปักษ์... เทพเจ้าประจำทิศตะวันตก
เจ้าแห่งนาค ท้าวกุเวร..เทพเจ้าประจำทิศเหนือ เจ้าแห่งยักษ์
และท้าววิรุฬหก...เทพเจ้าประจำทิศใต้
เจ้าแห่งกุมภัณฑ์อันเป็นยักษ์ประเภทหนึ่ง ไม่มีเขี้ยว ผมหยิก ผิวดำ ท้องโต พุงโร หากเป็นกุมภัณฑ์ชั้นสูงคือพญายม
ขณะที่กุมภัณฑ์ชั้นต่ำคือพวกทำหน้าที่ในนรก
ด้วยเหตุนี้บางตำราจึงเรียกเทพเจ้าประจำทิศใต้ว่าท้าวพญายม
ความเชื่อเรื่องท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่มีต้นกำเนิดจากอินเดีย
ก่อนจะแผ่อิทธิพลความเชื่อสู่จีน เกาหลี และญี่ปุ่นการเดินทางสนุกตรงนี้
ตรงที่ได้เห็นสายธารของความเชื่อเคลื่อนผ่านจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง
และปรับให้เข้ากับท้องถิ่นที่ตั้ง ท้าวจตุโลกบาลที่มีต้นกำเนิดจากอินเดีย
เมื่อมาถึงเกาหลีจึงแต่งกายแบบจีน เหมือนกับที่เคยเห็น พระนางลักษมี เทพีแห่งความงาม อุดมสมบูรณ์ และพระนารายณ์
เทพเจ้าผู้ปราบมาร สวมใส่อาภรณ์แบบชาวจีนในวัดแห่งหนึ่งในเกียวโต
รูปปั้นท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ สีสันสดใสทีเดียว |
ก้าวพ้นประตู
ผ่านทางเดินที่เป็นทางราบ ก่อนขึ้นบันไดเพื่อไปยังวิหารแรก เมื่อขึ้นไปถึงบันไดขั้นสุดท้าย
ต้องนิ่งงันกับโคมสีแดงสดที่แขวนแน่นอยู่เหนือศรีษะ
นับเป็นโชคดีของฉันที่ได้มาเยือนวัดแห่งนี้ ในช่วงเทศกาลโคม
จึงได้เห็นโคมสีสดแขวนดารดาษไปทั่ว สีแดงที่สดใสทำให้รู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้มีชีวิต
และศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนายังแรงกล้าไม่เสื่อมคลาย
เมื่อก้าวเข้าสู่วิหารหลักที่อยู่ถัดไป
พระพุทธรูปองค์ประธานสีทองเบื้องหน้า
หรุบตาลงต่ำ ใบหน้าคล้ายยิ้มละมัยน้อย ๆ
วิหารทั้งหลังสร้างจากไม้
สื่อถึงความเรียบง่าย และใกล้ชิดกับธรรมชาติ
เมื่อก้าวเข้าไป สัมผัสถึงความสงบนิ่ง
และงดงาม
ฉันหยิบเบาะรองนั่งทางด้านหลังมาวางปู
แล้วนั่งลง รอบตัวมีผู้คนมากมาย หลายคนนั่งสมาธิอย่างสงบ บ้างนับลูกประคำไปด้วย
บางคนปฏิบัติพิธีกรรมกราบไหว้อย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุด และ...เชื่อว่าหลายคนคงเหมือนกับฉัน ที่อยากนั่งนิ่ง ๆ
ซึมซับกับบรรยากาศเบื้องหน้า
จิตใจดิ่งสู่ความสงบ...ไม่มีการกราบไหว้ บูชา ขอพร. ดูเหมือนทุกคนเข้ามายังสถานที่นี้เพื่อจะฝึกจิตใจให้สงบนิ่ง
ณ เวลานั้นวัดพงอึนซาสำหรับฉันได้กลาย
เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง
.....
ฉันคงจะนั่งอย่างนั้นอีกเนิ่นนาน...
หากไม่ได้หยิบเอกสารของทางวัดออกมาเปิดดูแล้วพบว่ายังมีอาคารและวิหารอีกหลายหลัง
จึงตัดสินใจออกมาเดินเที่ยวชมให้ทั่ว
บรรยากาศภายในเขตวัดนั้นสงบ
บริเวณที่ตั้งวัดลาดไปตามเนินเขา ไม้ใหญ่ตามธรรมชาติตรงพื้นที่ชันขึ้นแน่นเป็นฉากหลัง ต้นไม้ภายในวัดประดับปลูกอย่างสวยงาม
ดอกอาซาเลียสีสันสดใสช่วยให้สวนสว่างไสว
เส้นทางเดินด้านหลัง
นอกจากจะเชื่อมระหว่างอาคาร คล้ายเป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติกลาย ๆ ให้ผู้มาเยือนได้พักผ่อนชื่นชมธรรมชาติใกล้ตัว ระหว่างทางฉันกับเพื่อนร่วมบ้านเดินสวนกับ
คุณพี่ผู้ชายในชุดสูททำงานรายหนึ่ง
“อิจฉา”
เสียงคนข้างตัวพึมพำ ก่อนจะขยายความ “พี่เขาคงทำงานเครียด ๆ
เลยออกมาเดินเล่นสักหน่อย ก่อนกลับไปทำงาน”
น่าจะจริงเหมือนกันนะ
เพราะแค่เดินย้อนกลับไปด้านล่าง เมืองใหญ่ก็เผยอหน้ารอทักทายแล้ว
นั่นทำให้นึกอิจฉาไปด้วยอีกคน
......
โปรแกรมฉันค้างคืนในวัด
(Temple Stay) เป็นโปรแกรมที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของทางเกาหลีใต้จัดขึ้น
เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสได้พักในวัด และสัมผัสวิถีชีวิตของชาวพุทธ
ตั้งแต่การสวดมนต์ ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิ หัดชงชา ทานอาหารมังสวิรัติ และทำงานเล็ก ๆ
น้อย ภายในวัด เริ่มมีขึ้นครั้งแรกในช่วงที่เกาหลีใต้ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานแข่งขันฟุตบอลโลกในปี
2002 เพื่อแก้ปัญหาที่พักไม่เพียงพอ
จนกลายเป็นโปรแกรมถาวรในที่สุด... หากสนใจ
บริเวณด้านหน้าทางเข้าวัดพงอึนซามีแผ่นพับให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้
และมีหนังสือเล่มบาง ๆ เล่าประสบการณ์ของชาวต่างชาติที่ได้พักค้างคืนในวัด
หมายเหตุ... งานเขียนชุดนี้ตีพิมพ์เป็นตอนในนิตยสารหญิงไทย
เกาหลีใต้ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 4
เกาหลีใต้ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 4