แมนออฟลามันชา แมนออฟวานนาฮัวโต้
รู้จักดอนกีโฮเต้…แมนออฟลามันชามั้ยคะ…
ยูลีไม่รู้จักคะ
แต่ฉันรู้จักเพราะเคยอ่านบทละครเรื่องสู่ฝันอันยิ่งใหญ่… ที่คณะละครสองแปดนำมาแสดงเป็นละครเวที
โดยแปลมาจากบทละครเรื่องดอน กีโฮเต้ แมนออฟลามันชา เขียนโดย เดล วาสเวอร์แมน
นักเขียนบทละครชาวอเมริกัน ซึ่งนำเรื่อง “El
ingenioso hidalgo don Quijote de la Mancha” (สุภาพบุรุษเจ้าปัญญา
ดอน กิโฮเต้ แห่งมานชา) ไปเขียนเป็นบทละครสำหรับออกอากาศทางโทรทัศน์มีความยาว
90 นาที ละครประสบความสำเร็จ แต่วาสเซอร์แมน ยังไม่พอใจ
เขารู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ กระทั่งมีคนเสนอว่าบทละครเรื่องนี้ ต้องทำเป็นละครเพลง
เขาจึงได้ทำการเขียนใหม่ และนำออกแสดงที่โรงละครเฮาเวิร์ด เบย์
และประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม ได้รับรางวัล “ละครเพลงยอดเยี่ยมแห่งปี
1966” จาก New York Drama Critics Award สำหรับละครในภาคภาษาไทย มีคุณศรัณยู วงศ์กระจ่าง และคุณจรัล
มโนเพชรผลัดกันแสดงเป็นดอนกีโฮเต้ และมี นรินทร ณ บางช้าง เล่นเป็นอัลดอนซา
สาวชาวนา
ฉันเจอะเจอดอนกีโฮเต้ขี่ม้านำหน้ามีซันโชคนรับใช้รูปร่างอ้วนเตี้ยขี่ลาตามหลังบนเสื้อยืดที่วางขายให้เห็นทั่วไปในเมืองวานนาฮัวโต้ เอ๊ะ! แล้วดอนกีโฮเต้ มาเกี่ยวข้องอะไรกับเมืองเมืองนี้ละ
คนเขียน…นายมิเกล เด
แซร์บานเตส (Miguel De Cervantes) ก็เป็นคนสเปน
ไม่ใช่คนเม็กซิกันซะหน่อย
แถมเหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นในท้องเรื่องก็ไม่ได้เกิดในเม็กซิโกอีก… แล้วมันยังไงกัน
จะหาคำตอบก็ต้องลุยถึงแหล่ง
งานศิลปะที่วางโชว์ในพิพิธภัณฑ์ ดอนกีโฮ้เต้ กับ ซันโช คนรับใช้ |
เมืองวานนาฮัวโต้มีพิพิธภัณฑ์ดอนกีโฮเต้ (Quijote
Iconographic Museum )
เมื่อเช้าที่แวะไปเยือนพิพิธภัณฑ์มัมมี่นั้นเป็นความคิดของยูลี
หากคราวนี้เป็นคิวฉันบ้าง ตะแรกยูลีก็ไม่สนใจพิพิธภัณฑ์นี้สักเท่าไหร่
แต่พอฟังฉันพูดถึงบ่อย ๆ แถมเห็นรูปสกรีนดอนกีโฮเต้
กับคนรับใช้บนเสื้อยืดที่วางขายให้เกลื่อน เจ้าหล่อนก็ชักเริ่มตื่นเต้นตาม
จากแผนที่พิพิธภัณฑ์ดอนกีโฮเต้ตั้งอยู่แถวด้านหลังโรงละครฮวนเรซ
เราเลยย้อนกลับไปตั้งต้นที่จตุรัสจาร์ดินอีกครั้ง
และหลังจากเดินวนเวียนหาอยู่ไม่นานก็เจอพิพิธภัณฑ์จนได้
ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้าไปก็เจอเข้ากับรูปปั้นศรีษะนายมิเกล
เด แซร์บานเตส
และตัวละครในจินตนาการของเขา… ดอนกีโฮเต้ นั่งอ่านหนังสืออยู่บนศรีษะ
เก๋เสียไม่มี
ภายในพิพิธภัณฑ์
แสดงงานศิลปะที่อุทิศให้กับตัวละครในบทประพันธ์เอกของมิเกล เด เซร์บาสเตสล้วน ๆ
มีแต่เรื่องราวของดอนกีโฮเต้ และคนรับใช้เท่านั้น ทั้งภาพวาด งานแกะสลัด
และรูปปั้นในอิริยาบทท่วงท่าต่าง ๆ โดยศิลปินจากหลากหลายประเทศ เป็นพิพิธภัณฑ์เล็ก
ๆ ที่อุดมไปด้วยฝันของชายชราที่พฤติกรรมออกจะเพี้ยน ๆ ด้วยเชื่อว่าตนเป็นอัศวินที่ชื่อว่า
“ดอนกีโฮเต้”
แห่งลาแมนชา
คิดว่าโรงแรมธรรมดาเป็นปราสาท สาวชาวนาเป็นเจ้าหญิง
และกังหันลมเป็นยักษ์ร้าย แต่นั่นแสดงให้เห็นถึงความฝันอันยิ่งใหญ่
การฝันถึงสิ่งที่ดีงาม ที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้
แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อับจนสิ้นไร้
สำหรับส่วนตัวฉันนั้นโปรดปรานภาพโปสเตอร์ใบหนึ่งที่บังเอิญเห็นติดอยู่ข้างผนังด้านหนึ่ง
ไม่ได้อยู่ในส่วนบริเวณแสดงงานของพิพิธภัณฑ์
ภาพโปสเตอร์ดังกล่าวคล้ายเป็นภาพโฆษณาอะไรบางอย่าง ดอนกีโฮเต้ขี่จักรยานคันใหญ่
มีคนรับใช้ขี่จักรยานคันเล็กตามท้าย … อัศวินสมัยโบราณ เมื่อหลงมาอยู่ในยุคปัจจุบันขี่จักรยานนี่แหละเหมาะเหม็งดี ไม่เอาเปรียบสัตว์
แล้วก็ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมอีกต่างหาก เสียดายแต่ว่าไม่ได้ถ่ายภาพเก็บไว้… มีแต่ความทรงจำที่เหลืออยู่ล้วน ๆ
มาถึงแหล่งแล้ว… ยังไม่รู้ว่าพิพิธภัฑณ์ดอนกีโฮเต้มาตั้งอยู่ที่นี่ได้อย่างไรก็กระไรอยู่
ฉันกับยูลีพยายามกวาดสายตา
เสาะหาเบาะแส หรืออะไรสักอย่างที่พอจะเป็นแหล่งข้อมูลให้ได้
แล้วเราก็เหลือบไปเห็นห้องทำงานแห่งหนึ่งภายในพิพิธภัณฑ์เปิดอยู่ ชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ในนั้น
คาดเดาจากเครื่องแต่งกาย และลักษณะการวางท่าทีคงมีตำแหน่งสำคัญไม่เบาในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
เลยขอเข้าไปคุยด้วย
คะ… ไม่ต้องแปลกใจ
ชายผู้นี้ไม่พูดภาษาอังกฤษเหมือนชาววานนาฮัวโต้ทั้งหลายที่เราเจอะเจอมาก่อนหน้านี้ แต่ภาษาไม่ใช่อุปสรรค
เมื่อเข้าใจคำถามของฉันกับยูลีแล้ว
เขาได้เขียนคำตอบข้อสงสัยของเราเป็นภาษาสเปนใส่ในกระดาษให้อย่างเต็มอกเต็มใจ
เพื่อให้เราไปหาคนแปลให้ฟังในวันหลัง (ฉันบอกแล้วว่าคนเม็กซิกันน่ารักสุด
ๆ )
จากคำอธิบายเป็นเพราะมีคนต้องการเผยแพร่วรรณกรรมโลกชิ้นเอกนี้ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายโดยทั่วไป
จึงมีการมองหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับตัวละครเอกในเรื่องนี้
เมืองวานนาฮัวโต้ได้รับเลือก เพราะเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยศิลปะและวัฒนธรรม
และคนที่นี่ใช้ภาษาเดียวกับนักประพันธ์ นั่นคือภาษาสเปน
นอกจากที่นี่จะมีพิพิธภัณฑ์ที่อุทิศเป็นพิเศษสำหรับตัวละคนเอกนามดอนกีโฮเต้แล้ว… ยังมีเทศกาลที่จัดเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนตุลาคมชื่อว่า
Cervantes Festival เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่มิเกล เด แซร์บานเตสผู้ให้กำเนิดดอนกีโฮเต้
คืนวันนั้นเป็นคืนวันอาทิตย์ รอบ ๆ จตุรัสจาร์ดินเปลี่ยนเป็นจตุรัสการแสดง
มีกลุ่มนักดนตรีได้ยึดจับจองพื้นที่ตามจุดต่าง ๆ แสดงความสามารถกันอย่างเต็มที่ ซึ่งเปิดโอกาสเฉพาะคืนวันพฤหัสบดี
และวันอาทิตย์เท่านั้น นักแสดงนายหนึ่ง
ต้อนผู้คนเข้าไปนั่งตรงบันไดหน้าโรงละครฮวนเรซ นับว่าเข้าท่า
แปรบันไดทางขึ้นโรงละครเป็นที่นั่งชมการแสดง นักแสดงนายนี้แสดงละครใบ้
เราเลยหัวเราะเอิ้กอ้ากผสมโรงไปกับเขาได้
หมดจากนักแสดงรายนี้ก็ผลัดเปลี่ยนเป็นคราวของกลุ่มนักดนตรีห้านายมาเล่นดนตรีสนุก ๆชักชวนให้นักท่องเที่ยวร้องตาม เล่นได้สักสี่ห้าเพลง ก็ชักชวนให้นักท่องเที่ยวเดินตามเป็นขบวน เหมือนขบวนแห่ ไปหยุดตามลานที่อยู่ใกล้ ๆ เราตามไปได้สักพักเห็นท่าไม่ค่อยดีเพราะมีคนเข้ามาขายไวน์ จริง ๆ แล้วขวดไวน์สวยมาก มีรูปดอนกีโฮเต้ด้วย แต่เราไม่กล้าลองและอยู่ต่อ เพราะกลัวจะมีคนเมาซึ่งจะเป็นอันตราย ค่ำคืนวันอาทิตย์ของเมืองแมนออฟลามันช่า จึงจบลงอย่างไม่ดึกนัก
Copyright ©2011 kanakacha.blogspot.com
หมดจากนักแสดงรายนี้ก็ผลัดเปลี่ยนเป็นคราวของกลุ่มนักดนตรีห้านายมาเล่นดนตรีสนุก ๆชักชวนให้นักท่องเที่ยวร้องตาม เล่นได้สักสี่ห้าเพลง ก็ชักชวนให้นักท่องเที่ยวเดินตามเป็นขบวน เหมือนขบวนแห่ ไปหยุดตามลานที่อยู่ใกล้ ๆ เราตามไปได้สักพักเห็นท่าไม่ค่อยดีเพราะมีคนเข้ามาขายไวน์ จริง ๆ แล้วขวดไวน์สวยมาก มีรูปดอนกีโฮเต้ด้วย แต่เราไม่กล้าลองและอยู่ต่อ เพราะกลัวจะมีคนเมาซึ่งจะเป็นอันตราย ค่ำคืนวันอาทิตย์ของเมืองแมนออฟลามันช่า จึงจบลงอย่างไม่ดึกนัก
ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ตอนที่ 6 ตอนที่ 7 ตอนที่ 8 ตอนที่ 9 ตอนที่ 10 ตอนที่ 11 ตอนที่ 12 ตอนที่ 13 ตอนที่ 14 ตอนที่ 15 ตอนที่ 16 ตอนที่ 17 บทส่งท้าย
Copyright ©2011 kanakacha.blogspot.com