ลานโซกาโล (zocalo)
โซกาโลเป็นจตุรัสใจกลางเมืองเม็กซิโกซิตี้
บรรยากาศของที่นี่ ฉันว่าคล้าย ๆ สนามหลวงบ้านเรา เป็นลานกว้างหย่อนใจของผู้คน และมีวังรัฐบาล (Palacio Nacional) โอ่อ่าสวยงามตั้งอยู่
วังรัฐบาล
วังรัฐบาล
บรรยากาศรอบ ๆ ลานซากาโล
ยูลีตื่นเต้นกับวังแห่งนี้ เพราะมีขนาดใหญ่โตและสลักลวดลายสวยงดงาม โอ่อ่า สมกับพื้นที่กว้างขวางที่รองรับ เธอหันมาถามฉัน
“วังที่ประเทศไทยสวยแบบนี้มั้ย”
“สวยสิ” ฉันตอบ… และด้วยเลือดรักชาติเข้มข้นแทบจะพุ่งปรี๊ดออกมา ทำให้แทนที่จะตอบแค่นั้นกลับเสริมเติมไปอีก “สวยกว่าที่นี่อีก” ปากกล่าวไปโดยลืมนึกไปว่า ความสวยงามนั้นเปรียบเทียบกันได้ที่ไหน ดีที่ยูลีฟังแล้วไม่ได้ใส่ใจคำพูดฉันมากมาย ด้วยเธอตื่นเต้นกับวังรัฐบาลที่ตั้งอยู่ด้านหน้าอย่างจริง ๆ จัง ๆ
ภายในวังรัฐบาล ประดับด้วยภาพเขียนฝาผนังใหญ่โต นักท่องเที่ยวที่เข้ามาด้านใน ต่างเดินดูภาพกันอย่างจริง ๆ จัง ๆ จนฉันกับยูลีสัมผัสได้… และให้รู้สึกผิดถ้าไม่ได้เดินดูภาพวาดบนผนังอย่างละเอียดจริงจังบ้าง… ภาพสำคัญทางประวัติศาสตร์… เดินดูเนื้อเรื่องที่สะท้อนในภาพวาดสักครู่ ฉันกับยูลีก็จับใจความได้ และเมื่อมีจังหวะได้ผสมโรงปนเปกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีเจ้าหน้าที่อธิบายนำทาง ฉันกับยูลีก็พอจะจับประเด็นสะเปะสปะ รวมทั้งผสมเรื่องราวได้ว่า เจ้าภาพวาดที่ว่าเป็นภาพวาดเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในประวัติศาสตร์ของเม็กซิโก ไล่เรียงตั้งแต่สมัยแอซเทค กระทั่งการประกาศอิสระภาพจากประเทศสเปน เรียกได้ว่าได้นำประวัติศาสตร์กว่า 2000 ปีมาร้อยเรียงย่นย่อบนฝาผนัง มิน่าล่ะ… คนของเขาถึงได้ดูภาพวาดกันอย่างจริง ๆ จัง ๆ เพราะเปรียบเสมือนหนังสือประวัติศาสตร์ของพวกเขานี่เอง
คนวาดภาพเหล่านี้ไม่ใช่ใคร เป็น ดิเอโก้ ริเวอรา (Diego Rivera) สามีของฟรีด้า คาฮ์โล (Frida Kahlo) ศิลปินหญิงโด่งดังของเม็กซิโก และฮอลลีวู้ด เคยนำเรื่องราวของเธอไปถ่ายทอดบนแผ่นฟิล์ม ทำให้คนรู้จักเธอในวงกว้างขวางยิ่งขึ้น
ดิเอโก้ ริเวอรา ได้รับการยกย่องเป็นบิดาแห่งงานจิตรกรรมฝาผนัง
และงานศิลปะการเมืองสมัยใหม่ของเม็กซิโก
และเป็นหนึ่งในจิตรกรเอกภาพวาดฝาผนังของโลก
งานชิ้นสำคัญของเขาคือภาพวาดบนฝาผนังในวังรัฐบาลที่ฉันกับยูลีได้เข้าไปเยี่ยมชม
|
เด็ก ๆ ที่นี่เล่นปล่อยร่มชูชีพกัน มองจากที่ไกล ๆ สีสันสดใสสวยจัดจ้านแบบเม็กซิกัน ร่มหลากสีลอยขึ้นเหนือท้องฟ้า พอทำท่าตกลงมา เจ้าของก็วิ่งไปเก็บ แล้วปล่อยให้ลอยขึ้นไปใหม่ ที่เรียกความสนใจได้มากที่สุดเป็นร่มขนาดยักษ์สีม่วง พอปล่อยลอยขึ้นฟ้าทำท่าจะติดลมบนลอยไปไกล แต่ก็ตกกลับลงมาข้างล่าง ให้เจ้าของได้ปล่อยลอยขึ้นไปใหม่ทุกที
ละจากลานโซกาโลชั่วคราว เพื่อหาของกิน เพราะหิวเต็มที แต่ปรากฏว่า ต้องละไปไกลกว่าที่คิดมาก เพราะวันปีใหม่ของชาวเม็กซิกัน ช่างเป็นปีใหม่กันจริง ๆ ร้านรวงพร้อมใจกันปิดเรียบเกลี้ยง… ฉันกับยูลีต้องเดินลัดเลาะไปตามตึกแถวไกลจากลานซากาโลไปทุกขณะ เพื่อหาของกิน แต่ร้านอาหารกี่ร้าน กี่ร้าน ที่เจอะเจอปิดหมด กระทั่งไปเจอร้านขายทาโก้ร้านหนึ่งเปิดขาย คนแน่นเต็มร้าน แน่ล่ะ… ก็เปิดอยู่ร้านเดียวนี่นา
ภายในร้านเจอะเจอนักท่องเที่ยวชาวแคนาดาที่จับจ้องเราอย่างสนอกสนใจ ขณะที่เราก็จับจ้องเขาอย่างสนอกสนใจเช่นกัน ก็คนแปลกหน้ามาเจอกันในสถานที่แปลกถิ่น ย่อมต้องดึงดูดใจกันเป็นธรรมดา
หนุ่มแคนาดาประพฤติตนเหมือนเรา เปิดพจนานุกรมคำศัพท์เล่มเล็กที่พกติดตัวมา เพื่อสั่งอาหารให้ได้ถูกปาก หลังจากทักทายกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางกัน… ไม่รู้สึกแปลกใจ ที่เขา ฉัน และยูลี รู้สึกคล้องจองและตรงกัน “คนเม็กซิกันน่ารัก… “
ทาโก้ที่แน่นเต็มท้องทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาก ฉันกับยูลีย้อนกลับมาที่ลานโซกาโลอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลา 6 โมงเย็นตรงเผ็ง ตึกอาคารรอบ ๆ ละต้นคริสมาสต์ใหญ่ยักษ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางลาน ก็พร้อมใจสว่างโร่ด้วยไฟที่ประดับประดาอย่างสวยงาม เฉลิมฉลองการหมุนเวียนมาถึงของวันปีใหม่อีกครั้ง ฉันกับยูลียืนงันจ้องแสงไฟอยู่ชั่วอึดขณะ…. จดจำภาพสุดท้าย ณ ลานกว้าง ใจกลางเมืองของเม็กซิโก ซิตี้ ณ เวลานั้น… ฉันรู้สึกรักเม็กซิโกจับใจ
ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ตอนที่ 6 ตอนที่ 7 ตอนที่ 8 ตอนที่ 9 ตอนที่ 10 ตอนที่ 11 ตอนที่ 12 ตอนที่ 13 ตอนที่ 14 ตอนที่ 15 ตอนที่ 16 ตอนที่ 17 บทส่งท้าย
Copyright ©2011 kanakacha.blogspot.com