ขณะที่มองถนน และรถราที่แล่นขวักไขว่ หาจังหวะที่จะข้ามถนนไปยังอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อไปยัง People’s Square... จตุรัสประชาชน
เจ้าตึกสีขาวทันสมัย ที่ตั้งอยู่ริมถนนกลับสร้างความลังเลใจ เริ่มจากเจ้าตัวการ์ตูนสีฟ้าที่ยืนตาโตยิ้มกว้างขวาง อวดผมที่แหงนตวัดเหมือนคลื่นแห่งท้องทะเล.... เจ้าตัว Hai Bao หรือ 'เจ้าขุมทรัพย์แห่งท้องทะเล' สัญลักษณ์ของ งานเวิลด์ เอ็กซ์โป 2010 ยืนอยู่หน้าตึกแห่งนั้น และกำลังนับวันถอยหลังเป็นตัวเลขอิเล็กทรอนิกส์สีแดง.....อีก 267 วัน ก็จะถึงวันงานเวิลด์ เอ็กซ์โปแล้ว เห็นเจ้าตัวสีฟ้านี้ยืนยิ้มทั่วบ้านทั่วเมือง เลยพลอยตื่นเต้นไปกับการเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพงานใหญ่ๆ ของคนเซี่ยงไฮ้ไปด้วย
ขณะยืนดูเจ้าตัว Hai Bao...ขุมทรัพย์แห่งท้องทะเล ผนังที่กรุด้วยกระจกใสของตัวตึกที่อยู่ด้านหลัง ทำให้มองทะลุเข้าไปด้านในเห็นจอภาพมัลติมีเดียขนาดใหญ่ฉายภาพเมืองเซี่ยงไฮ้ ในอนาคต ภาพที่เคลื่อนหวหวึบวับ แย่งความสนใจจากตัว Mascot หน้าตึก ทำเอาเปลี่ยนใจจากที่จะข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง เปลี่ยนเป็นเดินเลาะเลียบตัวตึกไปเรื่อยๆ
นอกจากภาพเคลื่อนไหวที่ตื่นตาตื่นใจบนจอขนาดใหญ่ แบบจำลองตึกสำคัญๆ สัญลักษณ์ของเมืองเซี่ยงไฮ้ที่เป็นสีทองอร่ามก็เตะตาเช่นกัน เราสองคนเดินเลาะเลียบไปเรื่อยๆ หวังจะได้เห็นข้อมูลเพิ่มเติม ว่าตึกนี้คือตึกอะไรกันแน่ แล้วก็มาถึงประตูทางเข้า
“Shanghai Urban Planning Exhibition Center” หรือ ศูนย์แสดงงานผังเมืองนครเซี่ยงไฮ้
ตัวเลขช่องด้านหน้าทางเข้าเขียนไว้ '30 RMB'
เพื่อนร่วมบ้านหันมาถามความคิดเห็น “30 หยวน เข้ามั้ย”
อืมม์...หันมองไปรอบๆ บริเวณอีกครั้ง ถามว่า มุ่งตรงมายังจตุรัสประชาชนมีที่หมายพิเศษมั้ย ก็ไม่มีนี่นา ถ้าอย่างนั้น พยักหน้าทันควัน เอาสิ... เข้าไปดูกัน
ตัดสินใจกันง่ายๆ อย่างนั้น
เมื่อเข้าไปข้างใน ชั้นล่างอยู่ระหว่างจัดงานแสดงนิทรรศการภาพถ่ายเมือง เซี่ยงไฮ้ กับเมืองฮัมบูร์ก... ด้วยความลำเอียง ส่วนใหญ่เลยดูแต่ภาพเมืองเซี่ยงไฮ้...ด้วยเหตุผลง่ายนิดเดียว ก็ตอนนี้เราอยู่ ณ เมืองเซี่ยงไฮ้นี่นา
ได้เห็นภาพเมืองในย่านต่างๆ อาคารสวยๆ ผ่านมุมมองสายตาของช่างภาพที่มีฝีมือกดเก็บไว้ นับเป็นกำไรที่ไม่ต้องไปเดินดั้นด้นทั่วเมือง ก็ได้เห็นอาคารฝรั่งงามๆ ในยุคอาณานิคมรุ่งเรืองในมุมต่างๆ ขณะที่บรรยากาศความเป็นอยู่ของผู้คนแสดงออกถึงอัตลักษณ์ความเป็นจีน
เมื่อขึ้นไปบนชั้นลอย เป็นชั้นที่มอง ณ ปัจจุบัน แล้วย้อนกลับไปสู่อดีต..... นี่คือสถานที่เก็บประวัติของเมือง และรากเหง้าของเมืองโดยแท้
บันทึกภาพอาคาร สถานที่ ย่านที่อยู่อาศัยต่างๆ ของเซี่ยงไฮ้ แสดงผ่านแผ่นภาพที่จัดวางแสดงตามตู้ไฟ และสมุดเล่มยักษ์พร้อมคำบรรยายประกอบ
ฉันออกจะชอบ สมุดบันทึกเล่มยักษ์ เป็นพิเศษ เหมือนได้สำรวจตัวเมืองผ่านหน้ากระดาษไปทีละหน้า...ทีละหน้า และเมื่อผละออกมา พ่อลูกคู่หนึ่งก็เข้ามาแทนที่ ยืนเปิดดูสมุดเล่มยักษ์ด้วยกัน พ่อชี้ชวนให้ลูกสาวตัวเล็กดูภาพแต่ละภาพ และคงอธิบายเรื่องราว...ประสบการณ์ที่เคยผ่านเจอในอดีตถ่ายทอดกันฟัง
นึกถึงเมื่อไม่นานมีคนรู้จักบางคน ส่งภาพ forward mail มาให้เป็นภาพในอดีตของกรุงเทพฯ แถวย่านสยามสแควร์
ตอนที่เปิดดูผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ เรียกความสนใจจากเพื่อนร่วมงานมาร่วมมุงดู ขณะดูไป ความทรงจำในอดีตดูจะหลั่งไหล แต่ละคนจึงพูดเล่าถึงบรรยากาศ เรื่องราวเก่าๆ สมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นไปเดินเล่น
โต๋เต๋ย่านนั้นกันอย่างสนุกสนาน..... ชั่วเวลาผ่านไม่กี่ปี บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ และน่าเสียดายถ้าไม่มีการจัดเก็บไว้
และเมื่อมีอดีต ย่อมมีอนาคต
ชั้นถัดไปเริ่มเข้าสู่อนาคตของเมืองเซี่ยงไฮ้
คงเป็นเพราะกำลังตื่นตัวกับการจะได้เป็นเจ้าภาพ 'งานเวิลด์ เอ็กซ์โป' ที่จะมาถึง พื้นที่ที่จัดแสดงงานของชั้นนี้จึงได้รับการยกให้กับงานเวิลด์ เอ็กซ์โป
เริ่มจากแบบจำลองผังเมืองบริเวณที่จะจัดงานแสดง และอาคารสำคัญๆ ที่จะได้อวดโฉมในวันงาน
ที่เด่นแตะตาคือ ศาลาจีน ในฐานะเจ้าภาพจัดงานจึงทุ่มเทเต็มที่ รูปแบบอาคารเป็นโครงไม้ อวดลักษณะการก่อสร้างแบบเสาและคานที่ยึดโยงกันโดยไม่ต้องใช้ตะปู อันเป็นลักษณะเด่นของการก่อสร้างแบบจีนดั้งเดิม ตัวอาคารทาสีแดงสด นัยว่าสีแดงนั้นคือสีแห่งพระราชวังต้องห้าม เพื่อแสดงถึงจิตวิญญาณ และความเป็นจีน นอกจากนั้นยังมีแบบจำลองของอาคาร Performance Center Theme Pavilion และ Expo Center ที่ออกแบบตามสมัยนิยม
พ้นจากแบบจำลองเป็นภาพแสดงศาลาของประเทศต่างๆ ที่จะร่วมอวดโฉมในงาน ภายใต้แนวคิดหลัก Better City, Better Life .... เมืองที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ดีกว่า... เพื่อแสดงถึงแนวการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 ที่ต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมและธรรมชาติให้มากยิ่งขึ้น การออกแบบ ศาลาจัดงานแสดงของแต่ละประเทศ จึงคำนึงถึง 'ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม' เป็นหลัก มีการกำหนดเรื่องการอนุรักษ์พลังงานเป็นเรื่องสำคัญ
เพื่อนร่วมบ้านเดินดูภาพศาลาของประเทศต่าง ๆ ไปก็บ่นพึม “ทำไมไม่เห็นศาลาของประเทศไทยเลย”
คงต้องทำใจกันหน่อยล่ะ เพราะงานนี้เจ้าภาพเขานับนิ้วแล้วว่าจะมีประเทศต่างๆ กับองค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วมงานกว่า 230 เจ้า มากมายเสียขนาดนั้นคงไม่สามารถนำมาอวดโฉมกันได้หมดเป็นแน่
ร่วมภาคภูมิกับการเตรียมการเป็นเจ้าภาพงานเวิลด์ เอ็กซ์โปกับชาวเซี่ยงไฮ้แล้ว คราวนี้มาชมแผนอนาคตที่แท้จริงของเมืองนี้กันบ้าง
เริ่มจาก แบบจำลองผังเมือง (อีกแล้ว) คราวนี้ไม่ใช่แบบจำลองจิ๋วๆ ที่แบ่งภาคเป็นส่วนๆ แต่เป็นแบบจำลองแบบเบ็ดเสร็จ ยกทั้งเมืองเซี่ยงไฮ้มาวางแสดงกันเลยทีเดียว และไม่ได้เป็นเมืองเซี่ยงไฮ้แค่ ณ ปัจจุบัน แต่เป็นเมืองเซี่ยงไฮ้ ณ อนาคต ให้เห็นกันจะๆ ว่าในอนาคตเมืองแห่งนี้จะขยายพื้นที่ไปถึงไหน และแต่ละย่านจะมีรูปร่างหน้าตาเช่นไร
เพื่อให้การยืนชมเมืองโมเดลขนาดใหญ่เป็นไปอย่างสะดวก และเห็นได้ชัดจากมุมสูง จึงมีการยกพื้นที่บริเวณที่จัดไว้สำหรับยืนชมดูรอบๆ ให้สูงขึ้น มีราวระเบียงกั้นไว้ เปิดโอกาสให้ใครอยากชมเมืองแห่งอนาคตมุมไหนเลือกได้ตามใจ
ถัดจากแบบจำลองผังเมือง เข้าสู่ โลกเสมือนจริง ที่จะนำไปเที่ยวชมเมืองเซี่ยงไฮ้ในย่านต่างๆ อย่างถ้วนทั่ว ที่ชอบใจเห็นจะเป็นตอนพาล่อง แม่น้ำหวงผู่ (Huangpu) ชมวิวและตึกระฟ้าสองข้างทาง ความรู้สึกขณะนั้นเหมือนได้นั่งล่องเรือชมทิวทัศน์สองข้างทางจริงๆ ได้เห็นวิวด้านหน้าขณะที่เรือกำลังจะแล่นไปถึง ขณะเดียวกันก็สามารถหันไปชมวิวสองข้างทางที่เรือกำลังแล่นผ่าน รวมทั้งหากจะอยากมองย้อนกลับไปดูตึก และบรรยากาศที่เรือเพิ่งจะแล่นผ่านไป ก็สามารถทำได้.... เป็นการชมเมืองที่ให้อารมณ์แปลกไปอีกแบบหนึ่ง
เที่ยวชมเมืองเซี่ยงไฮ้จนทั่วในหลายรูปแบบแล้ว คราวนี้เดินดู แผนการวางระบบสาธารณูปโภคของเมือง บ้างว่ามีแผนและแนวคิดอย่างไรในอนาคต... ถึงตอนนี้เพื่อนร่วมบ้านฉันชอบเป็นพิเศษ เดินดูสนุกเชียว ขณะที่ฉันเริ่มเบื่อ และเริ่มจะนั่งพักบ่อยขึ้น
ตอนแรกที่เห็นอาการฉัน เขาทำท่าแปลกใจ ก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้ว่า เพราะเขาเป็นวิศวกรนั่นเองจึงเดินดูงานแสดงส่วนนี้ได้สนุก ขณะที่ฉันไม่ใช่
ชั้นถัดไปเป็นชั้นสุดท้าย คราวนี้เป็นทีฉันบ้าง เรี่ยวแรงได้กลับฟื้นคืนมา และเดินได้อย่างแข็งขันอีกครั้ง ขณะที่เขาเปลี่ยนเป็นนั่งพักรอแทน แสดงให้เห็นว่าเรี่ยวแรงมีความสัมพันธ์โดยตรงกับสิ่งที่สนใจ (จริงๆ นะ)
ชั้นสุดท้าย เป็นพื้นที่จัดสรรสำหรับแสดงงานนิทรรศการต่างๆ และขณะที่ฉันได้เข้าไปชมดู กำลังอยู่ระหว่างแสดงงาน New China poster exhibition พอดี.... ทำให้ได้ย้อนอดีตสังคมจีนอีกครั้งผ่านภาพโปสเตอร์ในยุคต่างๆ ที่ได้บันทึกภาพเหตุการณ์สำคัญๆ ในแต่ละช่วงเวลาไว้ ซึ่งส่วนใหญ่จะสะท้อนให้เห็นภาพสังคมเกษตรกรรม สังคมที่ให้ความสำคัญต่อชนชั้นแรงงาน และที่เห็นเน้นสอดแทรกตลอดคือการให้ความสำคัญกับการศึกษาหาความรู้
เมื่อเดินดูจนทั่ว จึงค่อยนั่งพักเคียงข้างเพื่อนร่วมบ้าน มองผ่านกระจกใสไปยังตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ที่อยู่เบื้องล่าง จตุรัสประชาชนในมุมสูง ปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องหน้า... โดยไม่ต้องเดินข้ามถนนไปอีกด้านหนึ่ง
นั่งเงียบๆ กันอยู่สักพัก....
ไม่น่าเชื่อว่า... เพียงไม่กี่ชั้นของอาคารทันสมัยแห่งนี้ ฉันกับเพื่อนร่วมบ้านได้ชมงานแสดงของอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเมืองเซี่ยงไฮ้ ฉบับไฮเทค อย่างไม่ได้ตั้งใจเลยจริงๆ
-------------------------------
World Expo
World Expo มีชื่อเต็มๆ ว่า The World Exposition ถือเป็นงานแสดงนิทรรศการขนาดใหญ่ของโลก มีการจัดขึ้นครั้งแรกที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ.2394 โดยสโมสรศิลปะ (Society of Arts) ก่อนที่จะจัดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีประเทศสมาชิกผลัดเวียนกันเป็นเจ้าภาพ โดยมี สํานักงานมหกรรมโลก (Bureau of International Exposition : BIE) ที่มีฐานะเป็นองค์กรระหว่างประเทศ เป็นผู้บริหารจัดการ
ในการจัดงานมหกรรมโลกหรือ World expo แต่ละครั้ง จะมีการนำเสนอแนวคิดหลักของงานที่ไม่เหมือนกัน เช่นในการจัดงานที่เมืองฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมนี ปี พ.ศ. 2543 แนวคิดหลักของงานคือ Humankind, Nature, Technology - a new world arising และในปี พ.ศ.2548 ที่เมืองไอจิ ประเทศญี่ปุ่น แนวคิดหลักของงานคือ Nature’s Wisdom สำหรับในปี 2552 ที่จะจัดขึ้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้ แนวคิดหลักของงานคือ Better City, Better life
ปัจจุบันถือกันว่างาน World Expo เป็นงานมหกรรมโลกที่ยิ่งใหญ่เป็นลำดับ 3 รองจากการแข่งขันโอลิมปิก และการแข่งขันฟุตบอลโลกเลยทีเดียว
หมายเหตุ: ข้อมูล wold expo เรียบเรียงจากวิกิพีเดียภาษาไทย และเว็บไซต์ http://www.thailandexpo2010.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น