28 กุมภาพันธ์ 2555

เที่ยวเม็กซิโก ตอนที่ 7

วานนาฮัวโต้มีมัมมี่


ไม่รู้ยูลีไปฟังคำชวนเชื่อของเพื่อนเม็กซิกันคนไหนเข้า แม่สาวร่างกลมถึงหมายมั่นปั้นมือเป็นนักเป็นหนาว่าเช้านี้จะต้องไปเยือนพิพิธภัณฑ์มัมมี่ให้จงได้

ฉันกับยูลีตั้งต้นจากป้ายหยุดรถประจำทางหน้าโรงแรมตึกแถวของพวกเรา รถคันไหนหยุดจอดก็ตะโกนถามคนขับ “มอเมียส” (momias) ออกเสียงตามภาษาสเปน พอคนขับพยักหน้า สี "si" แปลว่าใช่ ก็กระโดดขึ้นรถไปได้เลย ทันทีที่ได้ที่นั่ง ฉันตั้งใจว่าจะแอบงีบหลับเอาแรงสักหน่อย ที่ไหนได้รถแล่นไปได้ประมาณ 5 นาที คนขับก็หยุดรถตะโกนบอกผู้โดยสาร "มอเมียส"
ฉันกับยูลีรีบลุกลงจากรถ รู้สึกเสียดายเงินค่าโดยสารตงิด ๆ แต่นั่นแหละ จะงกไปใย ถึงระยะทางจะไม่ไกลมาก แต่เราคงต้องนั่งรถอยู่ดี เพราะไม่รู้เส้นทาง แถมทางยังลาดชันขึ้นเนินตลอดอีกด้วย


มีผู้โดยสารประมาณ 5-6 คนที่มีเป้าหมายที่เดียวเหมือนเรา คนขับรถชี้บุ้ยใบ้ให้เดินข้ามถนนไปอีกฟาก ทำนองว่า พิิิพิธภัณฑ์อยู่ทางด้านนั้น พอข้ามถนนไปปุ๊ป แหมม พี่เม็กนี่ไม่เบา แกทำป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์มัมมี่ได้เก๋มาก ใช้สีเปรย์พ่นเป็นลูกศรตรงผนังหินข้างทาง แล้วเขียนคำว่า Mormias ลงไป ไม่รู้ว่าเป็นป้ายที่เป็นทางการ หรือเด็กช่างกลที่ไหนสนับสนุนการท่องเที่ยวของเมือง

ตอนเข้าไปบรรยากาศวังเวงทีเดียว เห็นใจสาวน้อยสองคนด้วยเถอะ… เพราะเราได้เข้าไปอยู่ท่ามกลางซากศพที่ไม่เน่าเปื่อยถึง 107 ศพ ดีว่าทางพิพิธภัณฑ์จัดคนเข้าชมเป็นกลุ่ม ไม่ได้ปล่อยให้เดินสเปะสะปะเข้าไปอย่างไร้ทิศไร้ทางเอง แต่ละกลุ่มจะมีเจ้าหน้าที่คอยบรรยายความเป็นไปตลอดทาง แต่ขอโทษเป็นภาษาสเปนอีกตามเคย ร่างมัมมี่จะใส่ไว้ในโลงกระจกให้เห็นเด่นชัด สภาพศพสมบูรณ์มาก เนื้อแห้งกรังติดกระดูก หลายร่างยังมีเส้นผมหลงเหลือบนศรีษะ บางร่างมีรูปถ่ายคนตายติดไว้ด้วย และที่ยืนยันนักหนาว่าสภาพศพสมบูรณ์เพราะ ฉันกับยูลีสามารถแยกออกว่าศพไหนเป็นเพศหญิง ศพไหนเป็นศพเพศชายได้น่ะสิ สงสัยมั้ยคะ… ว่ารู้จากไหน ก็อาศัยดูจากท่อนกลางของร่างกายน่ะแหละ ยูลีมองหัวเราะคิกคัก หน้าแดง ไอ้ที่ควรจะน่ากลัวเลยหมดบรรยากาศเลย

มัมมี่ เมืองวานนาฮัวโต้ที่คงสภาพดี ไม่เน่าเปื่อยนั้นว่ากันว่าเป็นเพราะสภาพความแห้งของอากาศ และดินที่อุดมด้วยแร่ธาตุซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของเมืองนี้โดยเฉพาะ ช่ายรักษาคงสภาพศพไว้ สภาพดินของที่นี่ทำให้ศพกลายเป็นมัมมี่ได้ภายในห้าปี ศพมัมมี่เหล่านี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญ เพราะคนในพื้นที่ไม่มีเงินจ่ายค่าหลุมศพ ทำให้ต้องขุดศพกันขึ้นมา และพบว่าศพที่ขุดขึ้นมานั้นไม่เปื่อยเน่าสลายไปอย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามีศพที่โดยขุดขึ้นจากหลุมศพจำนวนเท่าไหร่ รู้แต่ว่ามีร่างมัมมี่แสดงในพิพิธภัณฑ์ อยู่ 107 ร่าง


 



รูปปั้น El pi’pila
จากพิพิธภัณฑ์มัมมี่ เราได้ต่อรถไปยังรูปปั้นชายงามที่แลเห็นโดดเด่นบนยอดเขาหลังโรงละควรฮวนเรซเมื่อเย็นวาน…. El Pi'pila

เมื่อไปถึงสถานที่ รอบ ๆ บริเวณรอบลานรูปปั้นอุดมไปด้วยคนเดินเร่ขายของที่ระลึกรอบ ๆ บรรยากาศ คล้ายคลึงกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ของบ้านเรา แหม.. นี่ถ้าเม็กซิโกกับพี่ไทยประเทศตั้งอยู่ใกล้ ๆ กันต้องได้เป็นบ้านเพื่อนเกลอมิตรแท้กันแน่ คล้ายคลึงกันขนาดนี้ละก้อ

จากด้านบน สามารถมองเห็นเมืองวานนาฮัวโต้ได้ทั้งเมือง ดีจัง…. แล้วบนเนินที่ตั้งรูปปั้นก็ไม่ได้สูงอะไรมากมาย ทำให้มองเห็นตึกอาคารด้านล่างได้ชัดเจน ฉันกับยูลีสามารถยืนมอง และแยกแยะกันได้ว่าอาคารไหนเป็นอาคารไหน อย่างเพลิดเพลิน



ภาพเมืองวานฮัวโต้เห็นจากด้านบนบริเวณรูปปั้น El pi’pila



Copyright ©2011 kanakacha.blogspot.com