ความน่าสนใจของศาลเจ้าคามิกาโมในหนังสือ must-see in Kyoto อยู่ที่ ภาพการแข่งขันซูโม่เด็ก ที่จัดขึ้นหน้าวิหาร ประสมกับคำอธิบายที่ว่าไว้ว่า ...เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในเกียวโต ว่าไปแล้วก็แปลก สถานที่เที่ยวนี่ไม่ยักเหมือนคนที่ยิ่งแก่ยิ่งอยากเอาตัวออกหาก แต่พอเป็นสถานที่ยิ่งแก่กลับยิ่งเก๋า ยิ่งดึงดูด เลยไม่รู้ว่าระหว่างซูโม่ตัวอ้วนกลม กับความเก่าแก่ของสถานที่ สิ่งไหนดึงดูดกว่ากัน หรือบังเอิญเป็นเคมีที่ลงตัวก็ไม่รู้ ที่ทำให้ฉันกับเพื่อนร่วมบ้านไปยืนอยู่ตรงด้านหน้าทางเข้าศาลเจ้าจนได้
ด้านหน้าตรงบริเวณทางเข้า มีป้ายเขียนอวดโอ่ไว้ว่าที่นี่เป็นมรดกโลก
เมื่อเข้าไปด้านใน บริเวณหน้าวิหารแรกที่เจอเป็นพื้นทราย มีกองทรายพูนขึ้นเป็น ทรงกรวยปลายแหลม สองกอง อยู่คนละด้าน ลักษณะเหมือนภาพที่ปรากฏในหนังสือ ต่างกันแต่ไม่มีการจัดการแข่งขันซูโม่ และบริเวณขอบพื้นทราย มีเพียงหญิงวัยกลางคนที่กำลังก้มๆ เงยๆ ตรวจดูความเรียบร้อยของพื้นทรายเท่านั้น
บริเวณประตูทางเข้าศาลเจ้าคามิกาโม - กองทรายที่พูนขึ้นไว้สำหรับโปรยปราย ยามมีบุคคลสำคัญเข้ามาสวดภาวนาขอพรในศาลเจ้า
วิหารภายในศาลเจ้าคามิกาโม
ดูแลความเรียบร้อยของพื้นทราย - ภาพถ่ายงานเทศกาลแข่งขันซูโม่เด็ก
กองทรายที่พูนขึ้นของที่นี่ไม่ได้มีเจตนาที่จะสะท้อนแสงจันทร์แบบที่วัด ศาลาเงิน แต่เป็นทรายที่พูนขึ้นไว้โปรยปราย ยามมีบุคคลสำคัญเข้ามาสวดภาวนาขอพรในศาลเจ้า
วิหารภายในศาลเจ้า สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ แต่ต้องเสียเงินค่าเข้าชมสถานที่ พระประจำศาลเจ้าเป็นผู้นำเราเข้าไปชมข้างใน แต่น่าเสียดายที่ท่านอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างอย่างรัวเร็วด้วยภาษาญี่ปุ่น โดยไม่สนใจเราสองคนที่มีอาการไม่เข้าใจสักนิด นอกจาก วิธีการตบมือสามครั้งก่อนโค้งคำนับ อันเป็นวิธีการทั่วไปในการสวดภาวนาขอพรจากเทพเจ้า
หลังจากชมภายในเรียบร้อย ท่านได้นำพาเราสองคนไปยังห้องแสดงงานเล็กๆ ที่อยู่ด้านนอก ปล่อยเราไว้กับเจ้าหน้าที่ประจำห้อง ภายในห้องแห่งนั้นแสดงภาพงานเทศกาลสำคัญที่จัดโดยศาลเจ้าแห่งนี้ มีทั้งงานเทศกาลแข่งม้า และงานแข่งขันซูโม่เด็ก รวมถึงภาพวาดตามแบบศิลปะญี่ปุ่นที่วางแสดงผสมอยู่ด้วย
ศาลเจ้าแห่งนี้แม้ไม่มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นน่าสนใจ เช่นโทรีจำนวนมาก หรือลานทรายที่น่าทึ่ง แต่ ความสงบร่มรื่นของสถานที่ และ เสียงสายน้ำที่ไหลรินแผ่วๆ ให้ได้ยิน ก่อให้เกิดความสงบภายในจิตใจ “วัตถุทุกอย่างในธรรมชาติล้วนมีวิญญาณสิงสถิตอยู่ ภูเขา ต้นไม้ แม่น้ำ ทุ่งนา ท้องทะเล และสัตว์ ล้วนแล้วเป็นเทพเจ้าได้ทั้งสิ้น” ดังนั้นสรรพสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาไม่ควรที่จะเด่นข่มธรรมชาติ หากควรที่จะอิงแอบและเป็นหนึ่งเดียวกัน
ขณะเดินออกมาจากศาลเจ้า สวนทางกับคนไทยที่เป็นนักศึกษาเรียนอยู่ที่โตเกียวมาเที่ยวกับเพื่อนที่เป็น ชาวญี่ปุ่น ขณะที่เรามาเยือนที่นี่เป็นสถานที่สุดท้ายก่อนลาจากเกียวโต สำหรับเขาที่นี่เป็นสถานที่แรกในเกียวโตที่เพื่อนของเขาเลือกที่จะพามา เยือน ก็อย่างที่ในหนังสือ must see in Kyoto ว่าไว้ ที่นี่เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในเกียวโต
และสถานที่เที่ยว ยิ่งแก่ ยิ่งเก๋า ยิ่งดึงดูดยังไงละ (เชื่อฉันสิ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น