8 ธันวาคม 2554

เที่ยวเม็กซิโก ตอนที่ 5


5. สถานที่สำหรับกบ

           
ถามเพื่อนชาวเม็กซิกันกี่คน กี่คน มีแต่คนบอกให้มาเยือนเมืองวานนาฮัวโต้

ไอ้เจ้าเมืองนี้มีดีอะไรหนอ…

ก้าวแรกที่เหยียบย่างลงจากรถ… ต้องยอมรับว่าที่นี่เป็นเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจริง ๆ เพราะเห็นทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งคนอเมริกัน และยุโรปเต็มไปหมด ทั้งมีหน้าม้าบริษัททัวร์เข้ามาจีบเราให้ซื้อทัวร์เที่ยวไม่ขาด แต่ต้องรับว่าเลือดเม็กซิกันแรงจริง ๆ เพราะถึงจะเป็นเมืองท่องเที่ยวขนาดนี้ แต่ฉันกับยูลีหาคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้สักคน ไม่เป็นไร แผนที่ในมือ กับภาษาใบ้ ก็ช่วยให้เราขึ้นรถประจำทางเข้าไปในเมืองจนได้

ตื่นตาตื่นใจ ฉันขอใช้คำนี้เถอะ… แค่ยลประสบพักต์รแว่บแรกของเมืองโดยยังไม่ต้องเพ่งพิศ ฉันก็เริ่มจะหลงเมืองนี้เข้าให้เสียแล้ว ก็ดูเอาเถอะ… ลองยลจากภาพโปสการ์ด และภาพถ่ายที่ฉันนำมาฝากก็แล้วกัน


         
เมืองวานนาฮัวโต้เป็นเมืองในหุบเขา ระหว่างทางเข้าตัวเมืองแลเห็นตัวตึกเป็นบล็อก ๆ สีสันสดใสสุดสวย ทั้งแดง เขียว ชมพู ขาว ฟ้า ผลุบ ๆโผล่ ๆตามเนินเขาให้เห็น ทั้งแปลกตาแล้วก็สวยดี แล้วยิ่งคาดไม่ถึงเมื่อใกล้ถึงตัวเมือง รถก็แล่นลอดเข้าไปในอุโมงค์เสียนี่ แถมรถก็จอดปุ๊มันใต้อุโมงค์นั่นแหละ ว่าถึงที่หมายแล้ว… สองกระเหรี่ยงสาวลงจากรถงง ๆ พอเดินขึ้นบันไดใต้อุโมงค์ขึ้นมาข้างบน ก็โผล่พรวดเข้ามาใจกลางเมืองพอดี โอ้โห… คิดได้ไงเนี่ย

       
แน่นอน… พอมีเวลาฉันเปิดหนังสือท่องเที่ยวค้นข้อมูลยิก ๆ ไม่รู้สิ.. เวลาไปที่ไหน… ฉันชอบที่จะค้นหาเรื่องราวของที่นั่นอ่าน จะได้รู้สึกว่ารักกันจริง... รู้จักกันจริง

อุโมงค์ของเมืองมีด้วยกันสามแห่ง แห่งแรกสร้างขึ้นด้วยเหตุผลทางภูมิศาสตร์เป็นการป้องกันไม่ให้น้ำท่วมเข้าเมือง แต่แห่งที่สองที่สามนั้น สร้างขึ้นด้วยเหตุผลของโลกสมัยใหม่ เพื่อช่วยลดความแออัดของการจราจร แต่ฉันว่าเข้าท่าทีเดียว เพราะการสร้างอุโมงค์ทำให้ไม่ไปกระทบกระเทือนกับสภาพเมืองเก่าที่เป็นอยู่

อยู่ ๆ ดีจากใต้อุโมงค์ฉันกับยูลีก็โผล่พรวดขึ้นมาอยู่ใจกลางเมือง

โห… แล้วเมืองนี้ต่างจากเมืองลีออนลิบลับ ด้วยความที่เคยเป็นอาณานิคมของประเทศสเปนมาก่อน เลยรับมรดกทางการก่อสร้างแบบสเปนมาเต็ม ๆ ฉันกับยูลีเลยเหมือนโนบิตะกับผองเพื่อน ที่จู่ ๆ ก็เปิดประตูวิเศษของโดราเอมอน โผล่พรวดจากประเทศเม็กซิโกหลุดเข้าไปในเมืองเล็ก ๆ ในทวีปยุโรป

ใกล้ ๆ กับบริเวณที่เราโผล่พรวดขึ้นมา เป็นลานจตุรัสใจกลางเมือง ชื่อว่าจาร์ดิน (Jardin de la Union)
บริเวณนั้นมีที่ทำการท่องเที่ยวตั้งอยู่ ฉันกับยูลีตรงดิ่งเข้าไป ตั้งใจจะถามไถ่ทางไปโรงแรมที่เรามีรายชื่อและที่อยู่พร้อมในมือ แต่!! ให้ตายเถอะโรบิน ! (แปลว่าแปลกใจมาก) ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนพูดภาษาอังกฤษได้เลย เลือดเม็กซิกันนี่เข้มข้นเหลือเกิน แต่กระนั้นคนเม็กซิกันก็แสนจะน่ารัก (อีกตามเคย) เมื่ออธิบายเส้นทางไปโรงแรมให้ฉันกับยูลีฟังอย่างสุดความสามารถด้วยภาษาสเปน ผสมท่ามือที่ออกท่าออกทางได้อย่างอเร็ดอร่อย ฉัน ยูลี และเจ้าหน้าที่หนุ่มคนนั้น คุยกันนาน ถึง นานมาก… ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างฟังกันไม่เข้าใจ แต่… ในเมื่อเขาอุตส่าห์พยายามจะอธิบายขนาดนั้น ฉันกับยูลีเลยแสนจะเกรงใจ ที่จะตัดบทและเดินจากมา ถ้าใครผ่านมาเห็นภาพนั้นเข้า คงคิดว่าฉัน ยูลี และเจ้าหน้าที่หนุ่มคนนั้น คุยกันถูกคอเป็นนักหนา ด้วยเจ้าหน้าที่พูดไม่หยุดปาก ขณะที่ฉันกับยูลียิ้ม และพยักหน้าหงึกหงักไม่ขาดสาย

ถึงจะได้ข้อมูลกระท่อนกระแท่นเท่าที่พอจะคาดเดาได้จากภาษามือ และภาษาสเปนที่ไหลหลั่งเข้ามา แต่วานนาฮัวโต้เป็นเมืองเล็กที่เล็กขนาดเดินวันเดียวได้รอบ ฉันกับยูลีจึงไม่กังวลนักที่จะแบกกระเป๋าเดินคลำทางหาที่พัก “เดี๋ยวก็ต้องเจอจนได้” เราสองคนหมายมั่นเช่นนั้น แต่วานนาฮัวโต้เป็นเมืองเล็กก็จริง หากเราสองคนลืมไปอย่างว่า ที่นี่เป็นเมืองในหุบที่โอบรายรอบด้วยภูเขา พื้นที่ในตัวเมืองจึงเป็นเนินสลับขึ้นลงไปมาตลอด ทำเอากว่าจะเจอโรงแรมแห่งแรกที่จดรายชื่อมา ก็หอบแฮ่กเลยทีเดียว….แต่… (อีกแล้ว) ฉันกับยูลีนี่ช่างไม่เข็ด คราวที่แล้วก็พากันไปเที่ยวต่างเมืองในช่วงเทศกาลจนเกือบจะหาที่พักไม่ได้ไปครั้งหนึ่งแล้ว คราวนี้ยังริข้ามประเทศมาเที่ยวเม็กซิโกช่วงใกล้ปีใหม่อีก ผลก็คือที่พักแห่งแรกเต็ม ที่ที่สองก็เต็ม และที่ที่สามก็เต็ม และทำท่าว่าจะกี่ที่ กี่ที่ก็คงจะเต็ม จนแต้มจนเกือบจะเดินย้อนกลับไปที่พักแห่งแรกที่เจอนักท่องเที่ยวหนุ่มชาวญี่ปุ่นอายุอานามในวัยไล่เลี่ยกันที่เดินทางแบกเป้มาเดี่ยวว่า... คืนนี้ขอพักด้วยคนได้มั้ย แต่บังเอิญเจ้าหน้าที่ของที่พักแห่งสุดท้ายที่เราเดาสุ่มเข้าไปเสี่ยง ชี้ให้เราลองเดินไปดูตึกแถวแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ นัยว่าถึงหน้าตึกแถวแห่งนั้นจะไม่มีป้ายบ่งบอก แต่ว่า ด้านบนได้ซอยแบ่งห้องเป็นห้องเล็ก ๆ สำหรับให้นักท่องเที่ยวพัก โชคดีที่มีห้องว่าง ถึงดูไม่ค่อยสะอาดสะอ้านน่าอยู่นัก แต่ก็มีที่ซุกหัวนอน

เหวี่ยงสัมภาระ นั่งพักพอหายเหนื่อย เราพร้อมจะตะลุยเมืองกันแล้ว ก่อนออกไปสำรวจเมืองอีกครั้ง อดนึกถึงคำแปลของชื่อเมืองไม่ได้ วานนาฮัวโต้แปลว่า สถานที่สำหรับกบ… เอ… มันจะมีนัยยะอะไรไม่รู้ล่ะ… แต่สำหรับฉัน ก่อนที่จะได้ออกไปเดินสำรวจดูเมืองอีกครั้ง คำว่าสถานที่สำหรับกบ ดูมันเหมาะสำหรับกบในกะลาอย่างฉัน ที่เวลาเดินทางไปไหนให้รู้สึกว่าตัวเองช่างไม่รู้อะไรเยอะแยะเสียจริง


ตอนที่ 1  ตอนที่ 2  ตอนที่ 3  ตอนที่ 4  ตอนที่ 5  ตอนที่ 6  ตอนที่ 7  ตอนที่ 8  ตอนที่ 9  ตอนที่ 10  ตอนที่ 11  ตอนที่ 12  ตอนที่ 13  ตอนที่ 14  ตอนที่ 15   ตอนที่ 16  ตอนที่ 17  บทส่งท้าย


 Copyright ©2011 kanakacha.blogspot.com