9. พิพิธภัณฑ์ คยองจู
สุดท้าย...
ฉันพบว่า การเที่ยวชมเมืองประวัติศาสตร์จะสมบูรณ์แบบหากตบท้ายด้วยการเข้าชมพิพิธภัณฑ์
อะไรที่ไม่คาดหวัง
มักจะเหนือความคาดหมายเสมอ พิพิธภัณฑ์ต่างจังหวัดเล็ก ๆ ไม่น่ามีอะไรน่าสนใจ...
นั่นเป็นความคิดแรกที่มีต่อพิพิธภัณฑ์คยองจู ทำให้ผ่านเลยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไปไม่รู้กี่ครั้ง
จนในที่สุด...ใกล้หมดเวลาในเมืองคยองจูเข้าไปทุกที จึงตัดสินใจเข้าไปชมด้านใน
First
Impression พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่เสียค่าเข้าชม...
ยิ้มกริ่มเลยล่ะ อะไรที่ฟรีนี่ชอบจริง ๆ แต่จริง ๆ แล้ว ต้องชมทางเกาหลีใต้เองที่ไม่ใคร่จะเก็บเงินค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์เท่าใดนัก
ตามนโยบายสร้างความรู้ ความเข้าใจในบ้านเมือง ก็เป็นกุ้งท่ามกลางฝูงปลาวาฬนี่เนะ
ถ้าไม่พยายามทำให้ฐานของตนแกร่งจากราก แล้วจะหนีรอดจากฝูงปลาวาฬได้อย่างไร
เมื่อเข้าไปด้านใน
ของที่จัดวางแสดงมีทั้งที่สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลที่รับจากต้นวัฒนธรรมใหญ่อย่างจีน
และอินเดีย แต่หลายชิ้นงานอีกเช่นกัน ที่ดูแปลกตา ดูมีรากมีลักษณะของตนเองอย่างน่าทึ่ง เหมือนสุสานมูนดิน ที่ไม่หมือนสุสานใดในโลก นั่นทำให้ฉันชอบพิพิธภัฑณ์แห่งนี้เป็นพิเศษชอบเหนือกว่าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่ไต้หวัน
และที่เกียวโตด้วยซ้ำ แต่นี่เป็นเพียงความรู้สึกชมชอบตามรสนิยมส่วนตัวเท่านั้น
ชิ้นงานที่วางแสดงนอกจากจะมีความน่าตื่นตาด้วยตัวเองแล้ว
การนำเสนอทำได้ดีมาก ๆ หากเป็นชิ้นงานเล็ก ๆ จะวางแสดงรวมกันในโต๊ะและตู้กระจกเป็นหมวดหมู่
หากเป็นงานชิ้นใหญ่
จะจัดวางแสดงน้อยชิ้นในห้องโถงกว้าง เพื่อให้มีพื้นที่เปิดโล่งเดินชมงานได้สะดวก
และยังมีที่นั่งจัดวางเป็นจังหวะพอเหมาะพอดี...ให้นั่งพักไปด้วย และได้ชมงานไปด้วยในเวลาเดียวกัน
และประสาผู้หญิง (ซะละมัง) งานวางแสดงที่โปรดที่สุดเป็นพวกเครื่องประดับ
เท่าที่กวาดตามองคร่าว
ๆ ผู้คนยุคสมัยชิลลานิยมเครื่องประดับที่ทำด้วยหยกกับทองคำ
หยกนั้นทำเป็นรูปตัวงอ
ๆ หัวโตมีรูเจาะ และมีหาง เรียกขานในภาษาอังกฤษว่า comma shape jade เข้าใจตั้งชื่อแฮะ
รูปลักษณ์คล้ายเครื่องหมายจุลภาคจริงๆ เสียด้วย บริเวณส่วนหัวที่มีรูเจาะ นั้นเพื่อห้อยประดับตามชิ้นงานต่าง
ๆ ไม่ว่าจะกำไล สร้อยคอ กระทั่งสายคาดเอว
ทองคำนั้นนำไปทำเป็นเครื่องประดับ
ทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู แต่ที่ตื่นตาที่สุดคือมงกุฏ
และสายคาดเอวและยิ่งนำมาจัดวางเรียงเป็นเครื่องแต่งกายชุดใหญ่
ไล่เรียงตั้งแต่มงกุฏ สร้อยคอ ต่างหู สายคาดเอว จนถึงรองเท้า ยิ่งดูอลังการมาก... หากนึกภาพไม่ออก
ลองนึกถึงชุดของราชินีซอนต๊อก ในละครเรื่องซอนต๊อก
มหาราชินีสามแผ่นดินที่เคยฉายทางช่องสาม เธอสวมใส่ชุดเครื่องประดับที่จำลองจากของจริงที่นี่
ทั้งมงกุฏ
เครื่องประดับ สายคาดเอวเหล่านี้เป็นสมบัติที่ขุดพบจากสุสานมูนดิน นำมาจัดวางแสดง
ช่วยให้เห็นภาพความเชื่อมโยงหลังจากที่ได้เดินชมสุสานมูนดินมาก่อนหน้านี้
นี่เป็นธรรมเนียมที่คล้ายคลึงกันในหลายอารยธรรม
ที่ในหลุมฝังศพกษัตริย์จะฝั่งเครื่องราชกุธภัณฑ์ลงไปด้วย
comma shape jade |
เครื่องประดับนำมามาจัดวางเรียงครบชุด |
ผลงานชิ้นเอกได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติ : หมวกทองคำ |
ผลงานชิ้นเอกได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติ :มงกุฏและสายคาดเอวทองคำ
|
ป้ายภาพจากละครเรื่องราชินีซอนด๊อก สังเกตมงกุฏที่สวมใส่จำลองจากของจริงภายในพิพิธภัณฑ์ |
ชิ้นงานอีกกลุ่มที่จัดวางแสดง
และเห็นว่าแปลกคือเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับม้า
ไม่ว่าจะชุดเกราะซึ่งไม่ได้เป็นเกราะเฉพาะสำหรับนักรบหากสำหรับม้าด้วย
และเครื่องประดับอานม้าต่าง ๆ และยังมีจอกทำจากเขาสัตว์ตั้งอยู่บนเครื่องปั้นดินเผารูปนักรบสวมใส่ชุดเกราะ
และหมวกเหล็ก ในมือถือหอกและโล่นั่งอยู่บนหลังม้า
บ่งให้รู้เป็นนัยว่านักรบในสมัยอาณาจักรชิลลาเชี่ยวชาญในเรื่องของการขี่ม้า เป็นพิเศษ
ซึ่งน่าจะเป็นทักษะจำเป็นของชนเผ่าที่มีบรรพบุรุษเร่ร่อนมาจากเอเชียตะวันตกเฉียงเหนือ
ชุดเกราะของนักรบ ที่เผื่อแผ่ไปถึงม้าด้วย |
ชุดเกราะของนักรบ ที่เผื่อแผ่ไปถึงม้าด้วย |
จอกทำจากเขาสัตว์ตั้งอยู่บนเครื่องปั้นดินเผารูปนักรบสวมใส่ชุดเกราะ
และหมวก
ในมือถือหอกและโล่นั่งอยู่บนหลังม้า ผลงานชิ้นนี้เป็นงานชิ้นเอกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติ
|
ผลงานชิ้นเอกได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติ : ฝักดาบทองคำ
|
ผลงานชิ้นเอกได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติ : พระไภษัชยคุรุตถาคต พระตถาคตเจ้าผู้เป็นบรมครูแห่งโอสถรักษาโรค
|
ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
มีภาพยนตร์เกี่ยวกับวัดช็อคกูรัมฉายให้ดู
จำลองภาพการสร้างวัด และอธิบายถึงภาพแกะสลักที่อยู่ตรงผนังของถ้ำ
ช่วยเสริมให้เข้าใจถึงผังของตัววัด
และวิธีการสร้างหลังจากที่ได้ไปเยี่ยมชมสถานที่จริงมาแล้ว
และภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีรูปแกะสลักจำลองของพระอวโลกิเตศวรพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ และพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ เมื่อไม่สามารถชมใกล้
ๆ ได้ที่วัดช็อกกูรัม สามารถมายืนดูพินิจระยะใกล้ ๆ ได้ภายในพิพิธภัณฑ์... นี่แหละ
ฉันถึงกล่าวตั้งแต่ต้นว่า การเที่ยวชมเมืองประวัติศาสตร์จะสมบูรณ์แบบต่อเมื่อได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์เป็นการตบท้าย
อะไรที่ยังสงสัย อะไรที่ยังไม่เข้าใจ จะได้คำตอบสุดท้ายที่นี่นี่เอง
แผ่นภาพจำลองผังโครงสร้างวัดช็อคกูรัมและภาพสแกะลักบนฝาผนัง
|
ภาพแกะสลักจำลองพระอวโลกิเตศวรภายในวัดถ้ำช็อคกูรัม |
พื้นที่รอบ ๆ ของตัวพิพิธภัณฑ์ยังมีการจำลองสิ่งก่อสร้างสำคัญ ๆ อย่างเจดีย์ทาโบทับ และเจดีย์ช็อกกาทับ ที่อยู่ภายในเขตวัดพุลกุกซา ให้ได้ชมอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง โดยเฉพาะเจดีย์ช็อกกาทับที่อยู่ระหว่างซ่อมแซมมีอาคารสร้างล้อมปิดไว้ จึงได้เห็นภาพเจดีย์ชัด ๆ ที่พิพิธภัณฑ์นี่เอง
ภายในเขตพิพิธภัณฑ์ยังมีผลงานชิ้นเอกอีกชิ้นหนึ่ง ได้แก่ระฆัง เอมอีเล (Emille) ซึ่งในภาษาชิลลามีความหมายว่าแม่ แขวนไว้ที่ศาลาหน้าประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์ ตามตำนานเล่าขานกันว่าได้มีการนำเด็กทารกมาสังเวยการสร้างระฆังใบนี้เพื่อให้มีเสียงที่ไพเราะ เมื่อมีการเคาะระฆัง ระฆังจึงดังคล้ายเสียง.. เอม อี เล ที่แปลว่าแม่ แต่เดิมนั้นมีการเคาะระฆังใบนี้ทุก ๆ 6 โมงเช้า แต่ได้ยกเลิกธรรมเนียมนั้นไปแล้ว เหลือแต่การเคาะในโอกาสพิเศษเเช่นในวันปีใหม่ จึงไม่มีโอกาสได้ฟังว่าเสียงระฆังของช่างเกาหลีที่ว่าไพเราะที่สุดในโลกนั้นจริงหรือไม่
เดินชมงานทั้งในตัวอาคารและนอกอาคารจนทั่วถ้วน ได้เวลานั่งเหยียดขา พักเท้า พื้นที่รอบ ๆ ตัวพิพิธภัณฑ์ เปิดโล่ง กระทั่งแลเห็นทิวเขาลิบ ๆที่โอบล้อมอยู่รอบตัวเมือง คยองจูนับเป็นเมืองประวัติศาสตร์เล็ก ๆ ที่น่ารัก น่ามาเยือนเมืองหนึ่งเลยทีเดียว
.....
หมายเหตุ
หมายเหตุ... งานเขียนชุดนี้ตีพิมพ์ในนิตยสารหญิงไทย
เกาหลีใต้ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ตอนที่ 6 ตอนที่ 7 ตอนที่ 8
อาคารพิพิธภัณฑ์ และเจดีย์จำลองทาโบทับ |
หมายเหตุ
หากอยากฟังเสียงระฆังเอมอีเลว่ามีเสียงไพเราะอย่างไร
เข้าไปลองฟังได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=7YEyMLX3sD8 จะได้ยินเสียงระฆังที่บันทึกไว้ตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 60
บทส่งท้าย
จากพิพิธภัณฑ์คยองจูกลับไปยังที่พักไม่ได้ใกล้
ๆ เลย น่าจะเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางด้วยซ้ำ แต่ถ้ามองจากแผนที่
ผังของตัวเมืองคยองจูยั่วยวนให้อยากเดินมาก ๆ ด้วยถัดจากพิพิธภัณฑ์ไปเพียงนิดเดียวตามทิศทางเข้าสู่ตัวเมืองจะผ่านป่าใจกลางเมืองที่จะไปบรรจบกับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ได้เดินสำรวจไปบ้างแล้วในเย็นวันแรกที่มาถึง
และคิดไม่ผิดที่เลือกเดินกลับ
ด้วยระหว่างทางได้เห็นบรรยากาศของสวนป่าที่ร่มรื่น ทั้งยังเป็นป่าที่มีชีวิต ด้วยมีผู้คนออกมาเดินเล่น
ขี่จักรยาน ทำกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ยิ่งใกล้ถึงสวนสาธารณะได้เห็นภาพพ่อแม่พาเด็กเล็ก
ๆ ออกมาวิ่งเล่น และเล่นว่าวด้วยกันภายในสวน นี่เป็นคุณภาพชีวิตที่เห็นแล้วชวนอิจฉา
พื้นที่ป่า พื้นที่สวน พื้นที่ประวัติศาสตร์ผสมกันเป็นสถานที่กว้างใหญ่ที่เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้
สถานที่ออกกำลังกาย และสถานที่พักผ่อน
ฉนั้น ใครอย่ามาถามคำถามยอดฮิตกับฉันเลยเชียว
ว่าคนเกาหลีใต้หน้าตาเป็นอย่างไร
สวยหล่อเหมือนในซีรี่ย์มั้ย
เพราะฉันจะตอบไม่ตรงคำถาม
เพราะพาลจะพูดอยู่นั่นแหละว่าสภาพบ้านเมืองในเกาหลีใต้ สวย น่าอยู่
มีการบริหารจัดการที่ดีอย่างไร
หมายเหตุ
เมืองคยองจูไม่มีของที่ระลึกสวย
ๆ งาม ๆ วางขาย มีแต่ขนมที่ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนของตัวเมือง ต้องได้เห็น นั่นคือ Gyeongju Traditonal
Bread และไม่รู้ว่าชาวเมืองขายของเก่งหรือขายไม่เก่งกันแน่
เพราะในที่สุดเมื่อไม่รู้จะซื้ออะไรก็ซื้อเจ้าขนมปังพื้นบ้านนี่แหละเจ้าขนมปังที่ว่า
มองหน้าตาอย่างไรก็ไม่เหมือนขนมปัง เหมือนขนมเปี๊ยะมากกว่า ลองบิชิมดูจึงรู้ว่าด้านในสอดไส้ถั่วแดงหวาน
ๆ ไว้ ยิ่งอบออกมาใหม่ ๆ ทั้งหอม ทั้งอร่อย เสียแต่ว่าเก็บได้ไม่กี่วันเท่านั้น
แต่นั่นแสดงว่าไม่ใส่สารกันบูดสินะ
เกาหลีใต้ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ตอนที่ 6 ตอนที่ 7 ตอนที่ 8